เรื่องมันมีอยู่ว่า งานนี้‘โง่ของจริง’หรือ‘แกล้งโง่’ , ‘โลโก้-ลิขสิทธิ์’ทำป่วนซีเกมส์ ส่อง‘จุดเปลี่ยน’และ‘ทางสะดวก’ ‘มาร์ค-กรณ์’คืนรังประชาธิปัตย์

14 ก.ย. 2568 - 23:45

  • มหกรรมกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 จนถึงเวลานี้ยังมีปัญหาต้องตามแก้

  • โลโก้ มาสคอต การแข่งขัน ใช้งานไม่ได้ มีไอ้โม่งแกล้งมึนไม่ทำจ่ายค่าลิขสิทธิ์

  • ผลัดใบอีกครั้งพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันลาออก ศิษย์เก่าจะหวนคืนหรือไม่

เรื่องมันมีอยู่ว่า งานนี้‘โง่ของจริง’หรือ‘แกล้งโง่’ , ‘โลโก้-ลิขสิทธิ์’ทำป่วนซีเกมส์ ส่อง‘จุดเปลี่ยน’และ‘ทางสะดวก’ ‘มาร์ค-กรณ์’คืนรังประชาธิปัตย์

เรื่องมันมีอยู่ว่า <> มหกรรมกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 จะแข่งกันปลายปี โปรโมทไม่ได้เพราะสัญญลักษณ์ที่ชนะคัดเลือกติดปัญหาลิขสิทธิ์ห้ามนำมาเผยแพร่ งานนี้ต้องถามว่าใครคือไอ้โม่ง แกล้งมึน <>ผลัดใบอีกครั้งพรรคประชาธิปัตย์คราวนี้ เฉลิมชัย ศรีอ่อนลาออกจากหัวหน้าพรรค เลยมีการถามหาศิษย์เก่าหลาย ๆ คนว่าจะรีเทิร์นหรือไม่ โดยเฉพาะอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกับกรณ์ จาติกวณิช <>พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า

งานนี้‘โง่ของจริง’หรือ‘แกล้งโง่’

‘โลโก้-ลิขสิทธิ์’ทำป่วนซีเกมส์

ห่างหายจากเป็นเจ้าภาพไปนานถึง18ปี ที่สุดประเทศไทยก็ได้จัดซีเกมส์ครั้งที่ 33 หรือ ซีเกมส์ 2025 ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคมนี้  ใน3เมืองใหญ่ กรุงเทพ ,ชลบุรี และสงขลา มี 50 ชนิดกีฬากับ 3 กีฬาสาธิตและ 567 เหรียญทองให้ชิงชัย โดยผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย‘หมายมั่นปั้นมือ’  จะพาประเทศไทย กลับมาเป็น ‘เจ้าเหรียญทอง’ อีกครั้ง

แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ด้วยระยะเวลาที่เหลือไม่ถึง 3 เดือนนับจากนี้ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ กลับ ‘เงียบฉี่’  ยิ่งกว่าป่าช้าวัดดอน

ว่ากันว่า ‘ปัญหาใหญ่’  ที่โฆษณา และประชาสัมพันธ์ยังไม่สามารถทำได้นั้นเป็นเพราะเกิดความไม่ลงตัวใน ‘โลโก้’  และ ‘มาสคอต’  ที่จะใช้ในการแข่งขัน มหกรรมเกมส์กีฬาที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน

ความเดิมก็คือว่า ‘โลโก้’ ที่จะใช้ในการจัดการแข่งขันได้ถูกออกแบบมาเป็นที่เรียบร้อยโดย กกท.หรือการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดประกวดให้ผู้สนใจส่งแบบมาแข่งขันกัน จนได้ผู้ชนะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   แต่จะด้วยเพราะ ‘เสียงวิจารณ์’ ว่าเป็น โลโก้‘แบบ กกท.สไตล์’ ที่ดูจะมีความเป็นไทย แต่ไม่ฉีกไม่ว้าวหรือมีเจตนาอื่น ‘แอบแฝง’ หรือไม่ก็ไม่ทราบ จู่ๆก็มี ‘มือมืดสวมไอ้โม่ง’ สั่งและจ้างให้มีการ ‘ออกแบบ’ โลโก้ใหม่  ซึ่งก็ดูแล้วไม่หนีจากแบบเดิมมากนักนั้น 

มือมืดที่ว่านี้ ไม่รู้ว่าเป็นใคร รู้แต่ว่าใช้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนด้านการออกแบบ ของสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์หรือ THACCA  ที่ขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร สั่งให้ปรับปรุงโลโก้ และมาสคอตที่ผ่านการเห็นชอบไปแล้ว  โดยให้จัดประกวดออกแบบใหม่ ได้ผู้ชนะคือ  ธีรนพ หวังศิลปะคุณ ครีเอทีฟไดเรคเตอร์ และผู้ก่อตั้ง TNOP Design

แต่ ‘เหลือจะเชื่อ’ ตรงที่ว่า มีการจ้างเฉพาะออกแบบแต่ไม่ได้คุยกันให้ชัดเจนเรื่อง‘ลิขสิทธิ์’  อย่าลืมว่า โลโก้ซีเกมส์จะอยู่ทุกที่  อยู่ในทุกของที่ระลึก  ทุกอีเวนต์ และอยู่ในทุกการแข่งขันกีฬา

อดคิดไม่ได้ว่างานนี้ ‘โง่จริง’ หรือ ‘แกล้งโง่’ กันแน่ เพราะค่า ‘ลิขสิทธิ์’ จะมีราคาที่ต้องจ่ายแพงมากกว่า ‘ค่าออกแบบ’ หลายเท่าตัวนัก

ถึงตอนนี้ ลิขสิทธิ์ในโลโก้ใหม่ ยังไม่สามารถตกลงกันได้ แต่ก็มีการเตรียม ‘ทางออก’ ไว้ว่า อาจจะต้องเอาโลโก้เดิมกลับมาใช้

‘บิ๊กก้อง’  ดร.ก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่า ฯ กกท.ยอมรับว่า โลโก้ที่ออกแบบสามารถใช้เป็นแค่‘ภาพนิ่ง’เท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้ทำเป็นภาพ 3D, ภาพเคลื่อนไหว หรือนำไปติดบนตัวของที่ระลึกได้

‘ค่าใช้จ่ายในการจ้างออกแบบโลโก้ล่าสุดอยู่ที่ราวๆ 1 ล้านบาท ซึ่งส่วนตัวมองว่าเราไปจ้างออกแบบลิขสิทธิ์ต่างๆ ควรจะเป็นของเรา แต่ผู้ออกแบบเองน่าจะไปปรึกษาทนายความ ซึ่งก็มีเงื่อนไขว่าเราสามารถนำไปใช้ได้แค่บางส่วน และอีกบางส่วนผู้ออกแบบอยากที่จะนำไปใช้เองในอนาคต และการนำมาใช้นอกเหนือเงื่อนไขก็จะต้องจ้างเงินเพิ่มเติมไปอีก’

และเสริมอีกหนึ่งดอก

‘แต่สุดท้ายถ้าหากผู้ออกแบบไม่ยอมลงนาม ก็จะกลับไปใช้โลโก้เดิม ที่ได้มาจากการเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปส่งภาพเข้ามาประกาดก่อนหน้านี้ โดยส่วนตัวไม่ได้ติดที่จะกลับไปใช้แบบเดิม และหากเป็นเช่นนั้นก็จะรีบนำเรื่องให้คณะกรรมการจัดการแข่งขันพิจารณาทันที’

เรื่อง ‘โลโก้-ลิขสิทธิ์’ จะเอายังไง ต้องรีบสรุปและ ‘จบ’ ลงให้ได้ จากนั้นก็มา ‘จัดการ’ ไอ้โม่งตัวการที่ดัน ‘ทะลึ่ง’ ออกแบบโลโก้ใหม่ โดยที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เรื่อง ‘ลิขสิทธิ์’ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการจัดงานระดับนานาชาติเช่นนี้

ที่ประเทศอื่นไม่รู้มีเรื่องแบบนี้หรือไม่ แต่ที่ประเทศไทยได้เกิดขึ้นแล้ว 

<<<<<>>>>> 

ส่อง‘จุดเปลี่ยน’และ‘ทางสะดวก’

‘มาร์ค-กรณ์’คืนรังประชาธิปัตย์

หลัง ‘เดอะต่อ’ เฉลิมชัย ศรีอ่อน ลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ส่งผลให้เกิดการเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ก็เกิด ‘แรงกระเพื่อม’ การเมืองขึ้นในพรรค โดยแรงกระเพื่อมนี้ ‘ดังมาจากนอกพรรค’  ดังมาจากผู้สนับสนุนพรรคที่เรียกร้องให้บรรดา ‘ศิษย์เก่า’ประชาธิปัตย์ทั้งหลาย ‘กลับพรรค’ โดยเฉพาะ ‘ศิษย์เอกรัก-ยม’ ที่ชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และกรณ์ จาติกวณิช

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประชาธิปัตย์ในสายเลือด และศิษย์เก่าถูกถามหาว่าจะหวนคืนหรือไม่
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประชาธิปัตย์ในสายเลือด และศิษย์เก่าถูกถามหาว่าจะหวนคืนหรือไม่

อย่างที่รับรู้กันประชาธิปัตย์ ซึ่งครั้งหนึ่งถูกยกให้เป็น ‘สถาบันทางการเมือง’  นั้น หากใช้อดีตก่อนหน้านี้เป็นมาตรฐาน กระบวนการเลือก ‘กรรมการบริหาร’ จะมีขั้นมีตอน แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น ตามข้อบังคับพรรคหลัง ‘เดอะต่อ’ โบกมือลาต้องมีการจัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคภายใน 60 วัน

กรณ์ จาติกวณิช หลังออกจากประชาธิปัตย์ก็ออกไปทำพรรคเอง แล้วยุบรวม บ้านเก่ากวักมือเรียก จะนิ่งเฉยหรืออย่างไร
กรณ์ จาติกวณิช หลังออกจากประชาธิปัตย์ก็ออกไปทำพรรคเอง แล้วยุบรวม บ้านเก่ากวักมือเรียก จะนิ่งเฉยหรืออย่างไร

ย้อนดูเมื่อวันที่ 27 เมษายน พรรคประชาธิปัตย์จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ได้มีการแก้ไขข้อบังคับเรื่องการโหวตเลือกหัวหน้าพรรคซึ่ง ‘เดิม’ ต้องอาศัยคะแนนเสียงขององค์ประชุมใหญ่ สัดส่วน สส. 70% และองค์ประชุมทั่วไป 30% ‘เปลี่ยนเป็น’ คะแนนเสียงในสัดส่วน สส. 40% องค์ประชุมทั่วไป 40% และกรรมการบริหารพรรค 20%

เป็นการแก้ไขเพื่อ ‘แก้ปัญหา’ การเลือกหัวหน้าพรรคครั้งต่อไป หลังจากเกิดความขัดแย้ง เหตุ ‘องค์ประชุมล่ม’ ในการเลือกหัวหน้าพรรคที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน ก็แก้ไขจำนวนปีที่สมาชิกพรรคสามารถลงรับสมัครเป็นกรรมการบริหารพรรค จาก 5 ปี เป็น 2 ปี เพื่อดึงให้คนรุ่นใหม่เข้ามาช่วยในการบริหารพรรคมากขึ้น

จะมีติดขัดแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาคือ กรณี ต้องเป็นสมาชิกพรรคไม่น้อยกว่า 2 ปีติดต่อกันนั้นสามารถลงมติ ‘ยกเว้นได้’ โดยมมติที่ประชุมใหญ่เหมือนกับกรณีของ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ และน.ส.วทันยา บุนนาค ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

และหากดูข้อบังคับพรรคข้อที่ 30 ระบุว่า ให้สมาชิกผู้มีคุณสมบัติที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์และเป็นสมาชิกติดต่อกันไม่น้อยกว่า2ปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่สมาชิกที่มีคุณสมบัติข้อใด ข้อหนึ่ง ดังนี้

(1) เป็นหรือเคยเป็นกรรมการบริหารพรรค

(2) เป็นหรือเคยเป็นคณะกรรมการสาขาพรรค

(3)เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในนามพรรค

(4) เป็นหรือเคยเป็นรัฐมนตรีในนามพรรค

(5) เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นที่พรรคส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง

ถือว่า ‘ทางสะดวก’ หาก มาร์ค-กรณ์ จะ‘คืนรัง’กลับเข้าพรรคประชาธิปัตย์ และนั่ง กก.บห.เลยไปถึงหัวหน้า-เลขาธิการพรรค  แต่ปัญหาวันนี้ ยังอยู่ที่ เดชอิศม์ ขาวทอง กับ ชัยชนะ เดชเดโช ว่าจะ ‘ยอมมั้ย’  เพราะ ‘จุดเปลี่ยน’ ครั้งนี้ต้อง ‘ปฎิรูปพรรค’ ขนานใหญ่ ไม่งั้นโอกาส ‘สูญพันธุ์’ สูง

ถ้า‘ศึกใน’ ไม่จบ ‘ศึกนอก’ ก็ยากจะ ‘รบชนะ’

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์