เรื่องมันมีอยู่ว่า ‘ฮา’กว่านี้ใครมีช่วยยกมือขึ้น สตง.มีความโปร่งใสมากที่สุด. ‘ต่อเวลา’ผู้ว่าฯสระแก้ว ก.ต.ฟันไม่เลี้ยง ‘ตบทรัพย์175ล้าน’

19 ส.ค. 2568 - 23:45

  • สตง.คว้ารางวัลยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งจาก ITA ประกอบด้วยคุณธรรมและโปร่งใส

  • ย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดรวดเดียว 25 คน จับตาผู้ว่าฯสระแก้วได้ต่ออายุอีก 1 ปี

  • คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมฟัน 4 ตุลาการ มี 1 คนตบทรัพย์ กปปส.

เรื่องมันมีอยู่ว่า  ‘ฮา’กว่านี้ใครมีช่วยยกมือขึ้น สตง.มีความโปร่งใสมากที่สุด. ‘ต่อเวลา’ผู้ว่าฯสระแก้ว ก.ต.ฟันไม่เลี้ยง ‘ตบทรัพย์175ล้าน’

เรื่องมันมีอยู่ว่า   สตง.ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอันดับหนึ่ง จาก ITA ในเรื่องคุณธรรมและความโปร่งใส คะแนนแซงหน้าหน่วยงานรัฐอื่น ๆ  ในขณะที่อาคารสำนักงานแห่งใหม่ถึงแก่กาลอวสานพังลงมา กลายเป็นซากจากแผ่นดินไหว <> ลุงภูมิ ลงมือย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด 25 คน ฉลองตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทย จับตาผู้ว่า ฯ สระแก้วได้ต่ออายุอีก 1 ปี เรียกได้ว่าชิงทุกเหลี่ยมการเมือง <> คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมฟัน 4 ตุลาการ และมี 1 คนเกี่ยวข้องกับการตบทรัพย์ กกปส.<>พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า

‘ฮา’กว่านี้ใครมีช่วยยกมือขึ้น

สตง.มีความโปร่งใสมากที่สุด

‘ฮากว่านี้ ใครมีช่วยยกมือขึ้น’  กับข่าวที่ ป.ป.ช.ประกาศผลการประเมิน ITA ประจำปี2568 ในกลุ่มองค์กรอิสระว่า สตง.หรือ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้รับการประเมินด้าน‘คุณธรรมความโปร่งใส’  อันดับ 1  จากผู้ตอบแบบสอบถาม 1.35 ล้านความเห็น ชนิด‘ค้านสายตา’ ประชาชีทั้งประเทศ

ITA ย่อมาจาก INTEGRITY AND TRANSPARENCY ASSESSMENT หรือคะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสของหน่วยงานภาครัฐ มีป.ป.ช.เป็นเจ้าภาพ 

ITA นั้นว่ากันว่า จะช่วยส่งให้คะแนน CPI หรือ‘ดัชนีภาพลักษณ์การคอรัปชัน’ ของประเทศที่จัดอันดับกันทั้งโลกดีขึ้นซึ่งปัจจุบันไทยอยู่ที่109 จาก 180 ประเทศทั่วโลก

ITA เริ่มทำกันตั้งแต่ปี 2556 มาจากการวัดใน 3 ส่วนคือ

1.วัดจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายใน

2.วัดจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก

3.วัดการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ

สตง.อยู่ในกลุ่มองค์กรอิสระมี 5 หน่วยงาน คือ

คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช.  

สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน

สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือ สตง.

ถ้าจำกันได้ ปีที่ผ่านมา กกต.เข้าป้ายมาที่ 1 แต่ปีนี้ถูก สตง.ปาดหน้าไปฉิวเฉียด   มีอะไรผิดพลาดเป็นแน่คือ ‘คำถาม’ ที่ตามออกมา  จริงๆแล้วถ้าดูแบบ ‘มุมกลับ’ จะพบว่า ‘คนใน’ กำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับสังคมไทยหรือว่าที่ได้คะแนนมากๆนั้นคือการ‘ประชด’ ชีวิต ของคนอยู่ในองค์กรอิสระที่นับวันจะเตี้ยลงเตี้ยลง

อาคารสำนักงานแห่งใหม่ของ สตง.พังถล่มลงมา จนถึงเวลานี้ยังจับมือใครดมไม่ได้ มีแต่ผู้รับเหมารับหน้าไป
อาคารสำนักงานแห่งใหม่ของ สตง.พังถล่มลงมา จนถึงเวลานี้ยังจับมือใครดมไม่ได้ มีแต่ผู้รับเหมารับหน้าไป

ตึกสตง.ย่านสวนจตุจักร ที่กำลังก่อสร้างวงเงิน 2,136 ล้านบาท พังถล่มลงมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคมจนป่านนี้ ‘ยังจับมือใครมาดม’ ไม่ได้ แม้กระกวนการยุติธรรมจะคืบหน้า แต่ก็เฉพาะส่วนการก่อสร้าง แต่กับส่วนผู้รับผิดชอบโดยตรงอย่าง สตง.เรื่องกลับ ‘เงียบฉี่ยิ่งกว่าเป่าสาก’ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

สตง.ก่อเกิดจาก รัฐธรรมนูญปี 2540 ฉบับที่บางพรรคการเมืองศรัทธาท่องเช้ายันเย็นว่า ‘ดีที่สุด’ มีผู้ว่ามาแล้ว 4 คน คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา, พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส,ประจักษ์ บุญยัง และล่าสุด มณเฑียร เจริญผล กรณีตึกถล่มถูกระบุว่า อยู่ในช่วง ประจักษ์ต่อกับ มณเฑียร

จะว่าไปปีงูเล็ก ปีนี้มีข่าวประเภท ไม่คิดจะได้เห็นก็ได้เห็น ไม่คิดว่าจะเกิดก็เกิด

ข่าวฉาววงการสงฆ์ลุกลามกันไม่หยุดหย่อน ความขัดแย้งไทยกัมพูชาชนิดลงไม้ลงมือกัน การเมืองแบบ‘พิกลพิการ’ ที่ผู้นำได้เก้าอี้มาแบบพ่อหาให้ เศรษฐกิจแบบหายใจทิ้งไปวันวัน

ยิ่งกรณีที่คนทั้งประเทศกังขาแต่คะแนนโปร่งใสมาอับดับ1 ยิ่ง ‘น่าอนาจ’ โดยแท้ ถามกันอีกทีดังๆว่า ‘จะอยู่กันแบบนี้ไปอีกนานมั้ย’

<<<<<>>>>>>> 

  ‘ต่อเวลา’ผู้ว่าฯสระแก้ว

‘จุดขาวในจุดดำ’ฤดูโยกย้าย

โยกย้ายกันตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้ากระทรวงมหาดไทยมาด้วยเหตุว่า ให้เหมาะสมให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทย ถึงตรงนี้ต้องบอกว่า ‘ลุงภูมิ’  ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.มหาดไทย เล่นบทนี้ได้เข้าตา ‘ผู้นำทางจิตวิญญาณ’ จริงๆ

ในจำนวน 25 ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ถูกโยกย้ายในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ต้องจับตาไปที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ‘ปริญญา โพธิสัตย์’  ที่ถูก ‘ต่อเวลา’ นั่งเก้าอี้พ่อเมืองสระแก้วไปอีก 1 ปีจนเกษียณอายุราชการวันที่ 30 กันยายน2569

ปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่า ฯ สระแก้วได้ต่ออายุ 1 ปี คนที่จัดอีเว้นท์ตอบโต้กัมพูชา จนเข้าตาลุงภูมิ
ปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่า ฯ สระแก้วได้ต่ออายุ 1 ปี คนที่จัดอีเว้นท์ตอบโต้กัมพูชา จนเข้าตาลุงภูมิ

จำได้มั้ย ผู้ว่าฯปริญญา นี่แหละที่เสนอ ‘สารพัดไอเดีย’ ตอบโต้กัมพูชาช่วง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่อ.อรัญประเทศ อาทิ ลดการนำเข้ามันสำปะหลัง, การขออนุญาตทำพาสปอร์ต, การยกเว้นค่าธรรมเนียมเข้าประเทศไทย, การชะลอหรือยกเลิกกิจกรรมความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา 75 ปี, การระงับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าทุกกรณี, การทบทวนโครงการก่อสร้างสะพานโป่งน้ำร้อนที่ใช้งบประเทศไทยก่อสร้าง

สถานการณ์ขณะนี้พื้นที่สระแก้ว กำลังกลายเป็น ‘จุดอ่อนไหว’  ในกรณี บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง รอยต่อแนวชายแดนระหว่างหลักเขตแดนที่ 46 และ 47 ที่ไทยยืนยันอยู่ในอำนาจอธิปไตย เป็นพื้นที่ที่อดีตใช้ทำค่ายผู้ลี้ภัย สมัย‘หนีตายเขมรแดง’  แต่กัมพูชากลับอ้างว่า อยู่มานาน พื้นที่นี้แหละที่ วีระ สมความคิด และคณะถูกกัมพูชา จับไปขังคุกที่พนมเปญ

ขณะนี้พื้นที่บริเวณนั้น กัมพูชากำลังปลุกระดมประชาชนมาสู้ ขณะที่กองทัพไทยก็งัดมาตรการ ‘รั้วลวดหนาม’ มาแก้ไขระงับข้อพิพาท

การต่อเวลานั่งเก้าอี้ของ ผู้ว่าฯสระแก้ว คราวนี้ จึงน่าจะเป็น ‘จุดขาวในจุดดำ’ เป็นการใช้คนให้สอดคล้องกับสถานการณ์

ไม่ใช่การโยกย้ายที่อ้างว่าเพื่อความเหมาะสม แต่แฝงด้วยการ‘ชิงความได้เปรียบ’ ทางการเมือง

<<<<<<>>>>> 

ก.ต.ฟันไม่เลี้ยง ‘ตบทรัพย์175ล้าน’

ส่องคดี ‘39แกนนำกปปส.’ชั้นฎีกา

มติของคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมผ่านมาที่ ลงโทษข้าราชการตุลาการ 4 ราย  2 รายภาคทัณฑ์  2 รายไล่ออกจากราชการ

น่าสนใจตรง ‘รายที่ 2’  ซึ่งรายงานไว้ว่า มีพฤติการณ์ ‘เรียกเงิน’ จากคู่ความ อันเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความชื่อสัตย์สุจริต ไม่รักษาชื่อเสียงมิให้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว กระทำความผิดอาญาหรือกระทำการอื่นใด ซึ่งความประพฤติหรือการกระทำดังกล่าวอาจทำให้เสียเกียรติศักดิ์แห่งตำแหน่งหน้าที่ราชการ และไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและประเพณีปฏิบัติของทางราชการและจริยธรรมของข้าราชการตุลาการตามที่ ก.ต. กำหนด

ตามมตินอกจากไล่ออกจากราชการยัง‘ส่งข้อมูล’ ให้ป.ป.ช.ฟันต่อ

กรณีนี้คือข่าวที่ปรากฎออกมาในปี 2566 ว่า มี ‘อดีตรองเลขานุการศาลอุทธรณ์คดี’  เรียกรับเงินจากแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปสส.) 175 ล้านบาท

สำนักข่าวอิศรา รายงานว่าในสำนวนที่ส่งให้ ป.ป.ช. นั้นมีการอ้างถึงว่าเกี่ยวพันกับอดีตผู้พิพากษาระดับสูงระดับผู้บริหารศาลซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ออกคำสั่งให้เรียกรับเงินแม้ผู้บริหารศาลรายนี้‘ไม่ได้ถูกลงโทษทางวินัย’  เนื่องจากลาออกจากราชการไปก่อน แต่ ป.ป.ช. มีอำนาจไต่สวนว่า มีความผิดทางอาญาหรือไม่

ที่ต้องตามคือ แล้วคดีแกนนำ 39 กปปส.ขณะนี้อยู่ใน กระบวนการยุติธรรมชั้นไหน ข่าว ‘วงใน’ จากแกนนำระบุว่า อยู่ในชั้น ‘ฎีกา’ ทั้งหมด แม้ศาลชั้นต้นจะมีผลการพิพากษาต่างกัน หรือในชั้นอุทธรณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงโทษ ทั้งเพิ่มทั้งลดทั้งรอลงอาญา แต่ ‘คำตอบสุดท้าย’ ยังต้องรอจากชั้นฎีกา

ว่ากันว่า คดีนี้มีแกนนำ ‘หลายคน’ ไหวหวั่นว่าจะต้องโทษ ‘จำคุก’  จึงไม่แปลกที่ ‘บางคน’ จะพยายามผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมซึ่งขณะอยู่ในชั้นกรรมาธิการวิสามัญ และปรารถนาจะให้ผ่านในสภาผู้แทนราษฎรสมัยประชุมนี้

ท่ามกลางการต่อรองระหว่าง ‘คดีการเมือง’ กับคดีที่เกี่ยวกับ ‘มาตรา112’

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์