เรื่องมันมีอยู่ว่า พรรคเพื่อไทยกำลังมองหาคนถือธงตนใหม่เพื่อมาบูรณะพรรคให้กลับมา ตัวหลักที่อยากได้ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ก็ปฏิเสธแล้ว มีอีก 2 ชื่อในการทาบทาม คือ จาตุรนต์ ฉายแสง และพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค <> ไชยชนก ชิดชอบ ทายาทเครือข่ายบุรีรัมย์ ใครจะว่าอ่อนพรรษา หรือมือไม่ถึง ก็ไม่สำคัญ เขากำลังจะเข้าคอร์สเร่งรัดด้วยการเป็นรัฐมนตรีดีอี <> พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า
ลือหึ่ง‘เพื่อไทย’ทาบ‘พีระพันธุ์’
‘ชัชชาติ’ไม่มา‘จาตุรนต์’ได้ลุ้น
การกลับไป‘จำคุก’ 1 ปีตามคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเมื่อวันที่ 9 กันยายนของทักษิณ ชินวัตร ไม่น่าจะใช่ ‘ตอนจบ’ ของเส้นทางการเมืองตระกูล ‘ชิน-ดา-วงศ์’ ซะแล้ว เพราะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แพทองธาร ชินวัตร พูดไว้หลังร่วมรับฟังคำสั่งศาลด้วยการประกาศจะ‘เดินหน้า’ ทำพรรคเพื่อไทยต่อไป
หลังการเข้าเรือนจำ ‘เหรียญอีกด้าน’ ของทักษิณ ก็ถูกพูดถึงและเผยแพร่ออกมาตาม ‘โลกโซเชียล’ ขณะนี้ถือว่ายังเร็วเกินไป ที่จะบอกว่าการเลือกตั้งทั่วไปซึ่งจะเกิดขึ้นในปีหน้าแน่นอนแล้ว พรรคเพื่อไทยจะอยู่ตรงไหนของสมการการเมืองเพราะหลังการเลือกตั้งใหญ่ในปี 69 ประเทศไทยก็จะได้ ‘รัฐบาลผสม’ ส่วนสีอะไรจะ‘ผสม’ กันนั้นก็ยากจะคาดเดาได้
ความเป็นพรรคประจำตระกูลในเวลานี้ กลายเป็น ‘จุดเสียหาย’ มากกว่า ‘จุดได้ประโยชน์’ เพราะการทำการเมืองนับตั้งแต่รัฐบาลสมัคร ยุคพรรคพลังประชาชน ‘วงในสายตรง’ เครือญาติล้วนนั่ง ‘แนวหน้า’ ส่วน‘ขุนศึกขุนพล’ กลับต้องมายืนแถวหลังรอนั่งเก้าอี้
ที่สำคัญวันนี้ ตระกูลชินวัตร กำลังเสียขวัญ และต้อง ‘สรุปบทเรียน’ ครั้งใหญ่ว่า ตลอดช่วง5นายกรัฐนตรีที่ล้วน ‘ตกเก้าอี้’ นั้นเป็นเพราะอะไรกันแน่
หลังมีข่าวลือการทาบทาม ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.ที่มีคะแนนสูงสุดในประวัติศาสตร์ มาถือธงนำในสนามใหญ่ ซึ่งเอาจริงๆ ‘ชัชชาติ’ ก็หาใช่อื่นไกล เติบโตจากบ้านเพื่อไทยนั่งรัฐมนตรี ไปจนถึงเป็น ‘แคนดิเดท’ ของพรรคมาแล้ว
ได้เห็น พลรักษ์ รักษาพล คณะทำงาน รมว.ยุติธรรม และอดีตคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคประชาชาติ โพสต์ข้อความผ่านFB ระบุว่า
‘อาจารย์ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.ยืนยันกับผมเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาว่า จะไม่กลับไปเล่นการเมืองระดับชาติ โดยจะมุ่งมั่นทำงานในตำแหน่งในตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ตามที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เต็มที่ หลังมีข่าวลือว่าถูกทาบทามให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย’
พูดถึง‘คนถือธง’ คนต่อไปของพรรคเพื่อไทย ต้องแยกเป็น 3 กอง
กองแรก ‘คนใน’ ที่ถูกโยนออกมาอย่าง ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ลูกชายอดีตนายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ดูแล้วก็ยัง ‘เบาเกินไป’
กองต่อมา ‘คนในแต่อยู่วงนอก’ อย่าง ‘แดงอ๋อย’ จาตุรนต์ ฉายแสง ซึ่งบทบาทช่วงหลัง ‘เข้าตาเข้าหู’ อย่างยิ่งก็น่าจะเป็น ‘ทางเลือกหนึ่ง’ ที่อย่าได้มองข้าม

กองที่สาม ‘คนนอก’ ซึ่งมีข่าวว่าได้ทาบทาม ‘เดอะตุ๋ย’ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งยามนี้‘หมดสภาพ’ ของความเป็น ‘พรรคลุงตู่’ ไปเรียบร้อยแล้ว รอแค่วัน ‘โบกมือลา’ เท่านั้น ข่าวไม่ได้บอกว่า ‘ปฏิเสธหรือตอบรับ’ เพราะฉะนั้นเป็นไปได้กับเป็นไปไม่ได้ ยังมี ‘ค่าเท่ากัน’

สำหรับการเมืองไทยแล้วนั้น คำอธิบายที่บอกว่า ‘ที่เห็นนั้นยังไม่ใช่ แต่ที่ใช่นั้นยังไม่เห็น’ พูดอีกอย่างก็คืออะไรก็เกิดขึ้นได้ ดูอย่าง ‘สีส้ม’ ที่ยกมือหนุน ‘สีน้ำเงิน’ เป็นรัฐบาล โดยที่ตัวเองยัง ‘ยึดเก้าอี้’ ฝ่ายค้านเพื่อคอย ‘ทวงสัญญา’ ตาม MOA 5 ข้อที่เซ็นกันไว้ จะมีอะไรแปลกกว่านี้อีกหรือ ถามหน่อย?
<<<<<>>>>>>
ส่อง‘บทเด่นการเมือง’ไชยชนก
เจนเนอเรชั่นที่ 3 ตระกูลชิดชอบ
โผครม.อนุทิน1 ของพรรคภูมิใจไทย ‘นิ่งแล้ว’ โดยที่กระทรวงดีอี หรือที่ชื่อเต็มว่ากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะมีรัฐมนตรี ‘ป้ายแดง’ ที่ชื่อไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค นั่งทำหน้าที่
บางคนบอกว่า ‘ยังเด็กไป’ บ้าง บางคนก็บอกว่า ‘พรรษายังไม่ถึง’ บ้าง ‘เด็กเส้น’ บ้าง เรื่อยไปจนถึง ‘ลูกชายครูใหญ่’ แต่หากไปดู ‘จุดเกิด’ ทางการเมืองเมื่อเร็วๆนี้ที่ผ่าน จากกรณีลุกขึ้นอภิปรายกลางสภา ‘ไม่เอาด้วย’ กับ เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ชนิดที่คนในพรรคภูมิใจไทยยัง ‘เหลือจะเชื่อ’ แล้วล่ะก้อ ต้องบอกเลยว่า ไชยชนกเป็นนัการเมืองรุ่นใหม่ประเภท ‘มีของ’
หากย้อนดูครั้ง เนวิน ชิดชอบ โลดโผนบนถนนการเมือง จนได้นั่งเก้าอี้ รมช.คลัง ในรัฐบาล บรรหาร ศิลปอาชา ที่มี ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นั่งรัฐมนตรีว่าการ อายุอานามก็พอๆกับ ไชยชนก ในยามนี้

นอกจากเก้าอี้แม่บ้านพรรค เก้าอี้รัฐมนตรี ไชยชนก ยังได้ ‘บทเด่น’ อีก 2 เรื่องใหญ่ เรื่องแรกคือ การเป็นประธานคณะทำงานศึกษาการทำประชามติของพรรค ที่เป็น 1ใน 5 เงื่อนไขที่ทำไว้กับ พรรคประชาชน กับอีกเรื่องที่เป็นเรื่องใหญ่ไม่แพ้กันคือ การเป็นประธาน กมธ.วิสามัญ ศึกษา MOU 43-44 ที่มีข้อเรียกร้อง ‘หนาหู’ ขึ้นทุกวี่ทุกวันให้ ‘ยกเลิก’ ดีกว่าให้ ‘คงไว้’
ในวงการ ‘ละครไทย’ บทพระเอกนั้นเด่นในตัวเองอยู่แล้ว แต่ ‘บทเด่น’ มักจะอยู่ที่อีกตัวละครหนึ่ง หลายๆครั้ง ‘คอละคร’ มักจะจดจำ ‘บทเด่น’ ได้มากกว่า ‘บทพระเอก’ เสียด้วยซ้ำ
การเมืองก็เหมือนละคร บางคนบอกไว้อย่างนั้น เพราะเมื่อมี ‘บท’ให้เล่น ก็ต้องเล่น ‘ให้ถึงบท’ จะรัฐบาลหรือจะฝ่ายค้าน หากเล่น ‘ถึงบท’ สังคมยอมติดตามและอยากให้เล่น ‘บทที่ใหญ่’ และ‘ท้าทาย’ กว่า
เอาจริงๆวันนี้ ‘ภูมิใจไทย’ ที่มีอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรค ที่ก่อนหน้านี้ ‘หันซ้ายหันขวา’ ไม่รู้จะ‘ส่งไม้ต่อ’ ให้ใคร ก็เริ่มเห็น ‘เงาลางๆ’ แล้วซินะ