เรื่องมันมีอยู่ว่า ‘บวรศักดิ์’มือกฎหมายครม.อนุทิน คุมเกมประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ‘คนละครึ่ง’เศรษฐกิจร้อง‘กรี๊ด’ ‘คนละครึ่ง’การเมืองระวังร้อง‘ยี้’

8 ก.ย. 2568 - 23:46

  • บวรศักดิ์ อุวรรณโณ มือกฎหมายระดับแถวหน้า ผ่านมาหลายรัฐบาล

  • ครั้งนี้จะเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่รู้เรื่องกฎหมายนิดหน่อยให้ ครม.หนู 1

  • ‘คนละครึ่ง’ กลับมาอีกครั้ง แต่เป็นเรื่องการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีเพื่อตอบแทน

เรื่องมันมีอยู่ว่า ‘บวรศักดิ์’มือกฎหมายครม.อนุทิน คุมเกมประชามติแก้รัฐธรรมนูญ  ‘คนละครึ่ง’เศรษฐกิจร้อง‘กรี๊ด’ ‘คนละครึ่ง’การเมืองระวังร้อง‘ยี้’

เรื่องมันมีอยู่ว่า  ผ่านงานด้านกฎหมายมาหลายรัฐบาล ทำคลอดรัฐธรรมนูญก็ทำแล้ว ครั้งนี้บวรศักดิ์ อุวรรณโณ จะขึ้นมาเป็นรองนายกรัฐมนตรีคุมเรื่องกฎหมายให้ ครม.หนู <> คนละครึ่งของอนุทินต่างจากของลุงตู่   เพราะรอบนี้ถูกนำมาเปรียบเทียบกับการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี เพื่อตอบแทนการแหกพรรค ย้ายข้าง เพื่อให้เกิดรัฐบาล 4 เดือน<> พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า

‘บวรศักดิ์’มือกฎหมายครม.อนุทิน

คุมเกมประชามติแก้รัฐธรรมนูญ

ถ้าพูดถึงรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศผู้คนจะนึกถึง มีชัย ฤชุพันธุ์ มือกฎหมายระดับปรมาจารย์ นึกถึงวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแน่นอนต้องมีชื่อ ‘ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ’  รวมอยู่ด้วย

ดร.บวรศักดิ์ ชื่อเล่นว่า ‘ปื้ด’  ปัจจุบันอายุ 70 ปี  นอกจากแวดวงกฎหมายที่ผ่านมือมาอย่างโชกโชน ในวงการร่างรัฐธรรมนูญ  ‘อาจารย์ปื้ด’ ก็เกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ที่เชื่อกันว่า เป็นรัฐธรรมนูญ ‘ดีที่สุด’ ฉบับหนึ่ง  และฉบับปัจจุบัน(ปี2560)

ดร.บวรศักดิ์ คลุกคลีกับการเมืองชัดๆ ตั้งแต่สมัยพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกฯรัฐมนตรี ในฐานะ ‘ทีมงานบ้านพิษณุโลก’ อันโด่งดัง ก่อนจะเกิดการรัฐประหารปี 2535 แต่ชื่อของ ดร.บวรศักดิ์ ก็ไม่ได้หายไป แต่ยังคงเกี่ยวข้องกับแวดวงกฎหมาย หลังรัฐประหารปี 2549 ดร.บวรศักดิ์ก็นั่งเก้าอี้ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

มือกฎหมายระดับแนวหน้า ครั้งนี้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ และดูแลกฎหมายของรัฐบาลภูมิใจไทย
มือกฎหมายระดับแนวหน้า ครั้งนี้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ และดูแลกฎหมายของรัฐบาลภูมิใจไทย

ดร.บวรศักดิ์ เป็นคนจ.สงขลาเป็น ‘ลูกพี่ลูกน้อง’ กับ ดร.วิษณุ แต่ตำแหน่งที่ใกล้ชิดการเมือง ‘มากที่สุด’ คือการทำหน้าที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี หรือเลขาครม.ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร แทนที่ ดร.วิษณุที่ขยับมานั่ง รองนายกรัฐมนตรี

เฉียดไปเฉียดมา และอยู่ในฐานะ‘มือกฎหมาย’ ที่ไม่มีใครมองข้ามมาตลอด แต่ที่สุดก็‘เสียความบริสุทธิ์’ ทางการเมืองในรัฐบาล ‘อนุทิน1’  จนได้ ด้วยการยอมรับเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย ‘เสาหลัก’ ที่สำคัญที่รัฐบาลจะขาดไม่ได้หากจะ ‘เดินหน้า’ ไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็น 1 ในเงื่อนไขที่ได้ทำไว้กับ พรรคประชาชน

ก่อนกระโดดมานั่งเก้าอี้ในครม. ‘อาจารย์ ปื้ด’ ก็แสดงความเห็นเรื่อง ผู้ปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี มีอำนาจ ‘ยุบสภา’ หรือไม่ มาแล้วก่อนหน้านี้หมาดๆ

ต้องดูว่าวันที่ 10 กันยายนนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะ ‘ชี้ขาด’ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ว่าอย่างไรซึ่งจะส่งผลไปถึงการแก้ไขว่า หากต้องการแก้ไข‘ทั้งฉบับ’ ต้องทำประชามติกี่ครั้งกันแน่ระหว่าง 3 ครั้งหรือ 2 ครั้ง

การริเริ่มให้มีการจัดทำ ‘ประชามติ’ จะเป็นเรื่องแรกทางการเมืองพร้อมๆกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจผ่านการฟื้นโครงการ ‘คนละครึ่ง’

จะ‘ประชามติ’ กี่ครั้งนั้นเรื่องนึง แต่การตั้ง‘คำถาม’ เพื่อไปสู่การทำประชามติก็เป็นอีกเรื่องที่เหมือนจะทำง่าย แต่จริงๆแล้ว ‘ทำยาก’ น่าดูเหมือนกัน เพราะวันนี้สังคมแบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย ทั้งแก้ไขทั้งฉบับ ทั้งแก้ไขรายมาตรา และทั้งการ‘ไม่แก้ไขเลย’

การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ‘ทุกครั้ง’ จะเป็นเรื่องใหญ่ ยิ่งความพยายามแก้ไขทั้งฉบับ ตามความต้องการของบางฝ่ายด้วยแล้ว จะยิ่งสุ่มเสี่ยง ‘ขัดแย้ง’ ทางการเมืองยิ่งนัก

แต่...การได้‘มือกฎหมายชั้นเซียน’ มาช่วยคัดท้ายคุมหางเสือ‘รัฐนาวาอนุทิน’ อย่าง ดร.บวรศักดิ์ จึงถือว่า ‘ถูกที่ถูกเวลา’ อย่างยิ่ง

<<<<<<>>>>>

‘คนละครึ่ง’เศรษฐกิจร้อง‘กรี๊ด’

‘คนละครึ่ง’การเมืองระวังร้อง‘ยี้’

การปัดฝุ่นโครงการ ‘คนละครึ่ง’ ของอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้รับเสียง‘ตอบรับ’ จากสังคมอย่างมาก ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่เข้าขั้น ‘วิกฤต’ ทุกหย่อมหญ้า

รัฐบาลระยะสั้น อยู่ตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ แม้จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็ตาม แต่เมื่อ ‘โอกาสมา’ มีหรืออนุทินจะมองข้าม เพราะยาวสั้นมันสำคัญตรงมี ‘ผลงาน’ เป็นที่ ‘ประจักษ์’ ชนิดเข้าไปนั่ง‘ในใจผู้คน’ หรือไม่ต่างหาก

‘ผลงาน’ จึงเป็นเป้าหมายหลักที่ต้องเดินไปให้ถึง โดยที่จะต้องมี ครม.ซึ่งต้องมีหน้าตาที่สร้างความเชื่อมั่นแม้ไม่ถึงระดับ ‘กรี๊ดหรือว้าว’ แค่ไม่มีเสียง ‘ยี้’ ดังออกมาก็น่าจะพอใจแล้ว เพราะใครๆก็รู้ว่าการเมืองเวลานี้ ‘ไม่ปกติ’ แต่การเดินหน้าตามครรลองตามกลไกลประชาธิปไตยย่อม ‘ดีกว่า’ กลไกนอกระบบแน่ๆ

ปรากฎการณ์ ‘คนละครึ่ง’ ทางการเมืองจึงเป็นเรื่องปฏิเสธยาก ดูอย่างสมัยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะที่ถูก ‘ค้ำยัน’ จากพรรคภูมิใจไทย ก็บอกอยู่ในตัวเองแล้วว่า ‘ได้หมด’ นั้น ‘เป็นไปไม่ได้’

พรรคร่วมรัฐบาลนั้นเข้าใจได้ แต่‘กลุ่มการเมือง’ ที่ ‘ทิ้งพรรค’ ที่ตัวเองสังกัดมาสนับสนุน อีกขั้ว อันนี้หาก ‘พูดคำไหนแล้วไม่เป็นคำนั้น’ ระวังจะ ‘ยางแตก’ เอาง่ายๆ

กรณีศักดา วิเชียรศิลป์  สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทยกับ นริศ ขำนุรักษ์ ขาใหญ่ พัทลุง ประชาธิปัตย์ ซึ่งมีความสัมพันธ์แบบ ‘ป่าไม้แพร่คอนเนคชัน’  เข้าตำรา ‘พวกเดียวกัน คนละพรรค’ ก็น่าจะถูก ‘ตบรางวัล’ ตอบแทน

หรือกรณี ‘บุญญามณี’ ที่นิพนธ์ คนโตเมืองสงขลา ส่งลูกสาว นิธิยา นั่งเก้าอี้รมช.พาณิชย์ ก็ ‘คนละครึ่ง’ เช่นกัน

สุชาติ ชมกลิ่น  และธนกร วังบุญคงชนะ เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งทางการเมือง
สุชาติ ชมกลิ่น และธนกร วังบุญคงชนะ เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งทางการเมือง

ยิ่งรวมไทยสร้างชาติ ที่กำลังกลายเป็น‘พรรคเฉพาะกิจ’   เดอะเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น จะนั่งเก้าอี้ รมว.ทรัพยากรฯ และ ‘เดอะแด๊ก’  ธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรมต.ประจำสำนักฯในรัฐบาลลุงตู่ จะนั่งเก้าอี้ รมว.อุตสาหกรรม ก็เข้าตำรา ‘คนละครึ่ง’

ก็อย่างที่รู้ๆกันว่า การเมืองไทยคือเรื่องของการจัดสรรอำนาจ ถือเป็น‘ความจริง’ ที่ยากจะปฏิเสธเท่านั้นเอง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์