เรื่องมันมีอยู่ว่า การเป็นรัฐบาลที่กำหนดวันหมดอายุไว้แล้ว ก็ชัดเจนดีว่าเวลาน้อยต้องรีบทำคะแนน หากเข้าตาก็อยู่ยาว ไม่ใช่เวลาน้อย แล้วยังดูไม่ได้ เลยมีสูตร 4+4 ออกมาจากภูมิใจไทย <>พรรคประชาธิปัตย์กำลังจะเปลี่ยนน้ำใหม่ แต่ต้องสร้างศรัทธากลับมาใหม่หลังจากล่มสลายไปแล้ว รอดูการกอบกู้พรรคว่าจะไปอย่างไร <>พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า
‘4+4’รหัสลับการเมือง‘อนุทิน’
‘อยู่สั้น’ต้องว้าว‘อยู่ยาว’มาแน่
เพิ่งฉลองครบ 59 ปีแบบ ‘ชื่นมื่น’ แต่ไม่ ‘เอิกเกริก’ ไปเมื่อ 13 กันยายนที่ผ่านมา สำหรับนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย อนุทิน ชาญวีรกูล
ข่าววงในจากพวกเดียวกันแต่อยู่คนละพรรค มากระซิบกระซาบว่า ในพรรคสีน้ำเงินเวลานี้มีการพูดกันถึง รหัส 4+4 กันให้ ‘เจี๊ยวจ๊าว’ ไปหมด
4+4 คืออะไรไม่มีใครรู้แน่ชัด แต่พอจะเดากันออกว่า ‘4 แรก’ น่าจะคือจำนวนเดือนที่กำลัง ‘นับถอยหลัง’ การเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ส่วน ‘4 หลัง’ น่าจะคือจำนวนปีที่ ‘รออยู่’ หลังการเลือกตั้งใหญ่ในปี 2569
มี 2 ความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตาดู พรรคสีน้ำเงินไว้ให้ดี ความเคลื่อนไหวแรกคือ การเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ศรีสะเกษ เขต 5 ซึ่งจะเกิดขึ้นวันที่ 28 กันยายนนี้ ‘เลือกตั้งซ่อม’ รอบนี้มี ‘นัยยะสำคัญ’ เพราะจะเป็น บททดสอบความนิยมทางการเมืองของจริงว่า พื้นที่ ‘อีสานใต้’ คิดอย่างไรกับพรรคเพื่อไทยซึ่งยามนี้ระส่ำระสายหนัก
เพราะชัยชนะในเขตนี้ จะ ‘เร่งการตัดสินใจ’ ให้สส.อีสานหันหลังให้เพื่อไทยและเดินหน้าเข้าพรรคสีน้ำเงินกันอีกหลายก๊วน
อีกความเคลื่อนไหวคือ วันที่ 4 ตุลาคม ซึ่งคนในพรรคภูมิใจไทยรู้กันดีว่าเป็น ‘วันเกิด’ ครูใหญ่ทางการเมืองที่ชื่อ เนวิน ชิดชอบ ดังนั้นก็อย่า ‘แปลกอกแปลกใจ’ หากในวันนั้นจะ‘คลาคล่ำ’ไปด้วยนักการเมืองน้อยใหญ่ ไปจนถึงปลัดกระทรวง อธิบดี พ่อค้า นักธุรกิจ ฯลฯ

วันก่อนเห็น สภาที่หัวกะไดไม่แห้ง อย่าง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือ ส.อ.ท.ได้มีโอกาสต้อนรับ อนุทิน ชาญวีรกูล และทีมรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ อาทิ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกฯ และว่าที่รมว.คลัง ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รมว.พาณิชย์ ฯลฯ
ส.อ.ท.ที่มี เกรียงไกร เธียรนุกุล นั่งเป็นประธานอยู่ มีโอกาสได้ต้อนรับ นายกรัฐมนตรีมาแล้ว 2คน คือ เศรษฐา ทวีสิน และ แพทองธาร ชินวัตร และน่าจะที่จะมีโอกาสได้ต้อนรับ นายกรัฐมนตรี คนต่อไปในปี 2569 อีกแน่ส่วนจะเป็นที่ 32 หรือจะเป็นคนที่ 33 ต้องตามกันดู
นายกฯหนู ระบุตอนหนึ่งระหว่างหารือไว้ว่า
‘วันนี้แม้รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ผ่านพ้นไปก่อน แต่จะทำเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าการเป็นรัฐบาลสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆไปได้ ผมอยู่มา 6 ปีกว่า เห็นปัญหาเยอะ ที่สำคัญสุดคือการระแวงซึ่งกันและกัน คนนี้เสนอพรรคนี้คุมกระทรวงนั้นเสนอขึ้นมาถ้าผ่านไปคะแนนจะตกไปที่พรรคนั้น ตัวนายกฯอยู่อีกพรรคจึงไม่สนับสนุนเต็มที่ ขอยืนยันว่ามันไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลของผม ผมถือคติคนละพรรคพวกเดียวกันสำคัญกว่า พรรคเดียวคนละพวก’
‘พรรคก็มี พวกก็มาก’ ต้องถือว่ายามนี้ ‘เดอะหนู’ ครบเครื่อง ส่วนเรื่อง 4+4 ที่ตั้งเป็นธงไว้นั้น เป็นไปได้ และเป็นไปไม่ได้ ‘ความน่าจะเป็น’ น่าจะพอๆกัน
อย่าลืมนะว่า การเมืองไทยเกิด ‘อุบัติเหตุ’ได้ทุกเวลา
<<<<<<<>>>>>>>>>
‘ชวน-เสธหนั่น’ยุคทองค่ายสีฟ้า
วันคืนที่ไม่หวนกลับของ ปชป.
คาดว่าการประชุมกรรมการบริหารชุดรักษาการของพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 18 กันยายนน่าจะ ‘เคาะวัน’ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ส่วนใครจะมานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคคนที่ 9 นั้น ถึงตรงนี้โอกาสเป็น ‘คนเดิม’ มากกว่า ‘คนใหม่’ นั้นสูงยิ่ง
ยามนี้ต้องเรียกได้ว่า ‘ศิษย์เก่า’ ประชาธิปัตย์ เคลื่อนไหวกันคึกคักยิ่งกว่าาครั้งไหนๆ เพราะการเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้จะเป็น ‘จุดหักเห’ ที่สำคัญว่าจะพาพรรคประชาธิปัตย์กลับมาเรียก ‘ศรัทธา’ จากประชาชนได้หรือไม่ ซึ่งถ้า ‘รอบนี้’ ไม่ได้ ‘รอบหน้า’ก็เสี่ยงสูญพันธุ์สูง
ปัญหาใหญ่ของประชาธิปัตย์คือ ‘ขาดเอกภาพ’ ในพรรคอย่างสิ้นเชิง แตกแยกชิงเด่นชิงดี เล่นพวกพ้อง พรรคไม่ได้เลือกคน ประชาชนเลยไม่เลือกพรรค ซึ่งแน่นอนว่า ปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมชาติของการเมือง เพียงแต่ในอดีตที่ผ่านมา กก.บห.โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ‘จัดการ’ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยุค ‘คลาสสิค’ ที่สุดของประชาธิปัตย์ยุคหนึ่งคือยุค ‘ชวน-เสธหนั่น’ มีบางคนในพรรคบอกว่า ระหว่าง หัวหน้าพรรคกับเลขาธิการพรรค จะแบ่งหน้าที่กันประมาณว่า หัวหน้าพรรคมีหน้าที่ ‘ทำทุกอย่าง’ที่เลขาธิการพรรค ‘ไม่ทำ’ ขณะที่เลขาธิการพรรค มีหน้าที่ ‘ทำทุกอย่าง’ ที่หัวหน้าพรรค ‘ไม่ทำ’

เวลานี้หากมองหาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็น่าจะพอหาได้ไม่ยาก แต่หากจะมองหาเลขาธิการพรรค ก็ต้องบอกว่า ‘เข้าขั้นวิกฤต’ เลยเชียวนะ ประเภท ‘ใจถึงพึ่งได้’ อย่างพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หรือ สุเทพ เทือกสุบรรณ นั้นหาไม่ได้แล้ว
วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ ยังมีเลขาธิการพรรคชื่อ เดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา อดีต รมช.มหาดไทย ซึ่งถูกสงสัยว่า จะทิ้งสีฟ้าไปซบสีแดง ‘คุมเสียง’ อยู่ส่วนหนึ่ง ถึงเวลานี้ต้องบอกว่าสำหรับเดชอิศม์ การจะ ‘อยู่ต่อ’ นั้นยากกว่า การ‘จากไป’ ยิ่งหากดู ‘ภูมิหลัง’และพฤติกรรมการเมืองที่ผ่านมายิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า โน้มเอียงไปทางไหน
เดชอิศม์ นั้นเริ่มต้นกาารเมืองที่พรรคไทยรักไทย ของทักษิณ ชินวัตร แต่ถูกดึงเข้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยถาวร เสนเนียม และศิริโชค โสภา เพื่อสร้างพันธมิตรการเมืองแข่งกับ นิพนธ์ บุญญามณี ใน จ.สงขลา
นอกจาก ‘เอกภาพ’ ที่ต้องรีบจัดการ ‘อุดมการณ์’ของพรรคก็น่าจะเป็นสิ่งที่รีบนำกลับมา อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พูดไว้คมๆแบบอภิสิทธิ์ว่า ‘ถ้าอุดมการณ์’ กลับพรรคประชาธิปัตย์เมื่อไหร่ เมื่อนั้น ผม‘กลับมาแน่’
ได้เห็น ศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุทำนองว่า
ประชาธิปัตย์จะเป็นรัฐบาลได้ ต้องเริ่มที่การเป็น ‘ฝ่ายค้าน’ เพราะบทบาทฝ่ายค้านนั้นคือ ป้อมปราการประชาธิปไตยที่ช่วย เปิดโปงทุจริตโครงการใหญ่ ช่วย สกัดนโยบายประชานิยมที่บิดเบือนเศรษฐกิจ ช่วย รักษากรอบวินัยการคลัง ไม่ให้ประเทศตกหลุมหนี้มหาศาล
สภาพวันนี้ ประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาลก็ไม่ได้เป็น ครั้นจะเป็นฝ่ายค้านก็แทบจะไร้น้ำยา ไร้พิษสง
แมลงสาบก็แมลงสาบเถอะ ‘ตาย’ ได้ง่ายๆนะจะบอกให้