เรื่องมันมีอยู่ว่า เรื่องภาษีกับตระกูลชินสร้างปัญหามาตั้งแต่รุ่นพ่อถึงลูก จับตาตั๋ว PN ของแพทองธาร ชินวัตร ที่เป็นของแสลง และฝันร้ายของตระกูลอีกครั้ง <>ตัดสินใจเข้ามาเป็นรัฐมนตรีคลังในยุครัฐบาลอนุทินที่มีอายุทำงานสั้น ๆ ของเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อาจจะเป็นก้าวแรกทางการเมือง แต่จากนี้ไปเขาคือว่าที่นายก ฯ ของภูมิใจไทย <>พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า
‘เลี่ยงภาษี-จำนำข้าว-ตั๋วพีเอ็น’
‘ถูกกระทำ’หรือ‘กระทำไม่ถูก’
ในยุคเกรียงไกรของ ทักษิณ ชินวัตร มักจะได้ยินคำว่า ‘ชิน-ดา-วงศ์’ คำนี้เป็นคำที่ใช้เรียก 3 ตระกูลที่เกี่ยวดองกัน เป็น 3 ตระกูลที่มีบทบาทมาตั้งแต่การก่อตั้งพรรคไทยรักไทย จนถึงพรรคเพื่อไทย ซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะ‘โบกมือลา’ ทางการเมือง
หลังอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยประกาศ ‘3รายชื่อ’แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ก็ถูกเอาไปเปรียบเทียบกับ ‘หลายพรรค’ แน่นอน้องมีพรรคเพื่อไทยอยู่ด้วย พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคแรกที่ ‘โยนหินถามทาง’ มาก่อนหน้านี้
ล่าสุดมีชื่อ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค ‘ป้ายแดง’ ติดโผร่วมกับ ‘พงศ์’ ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ‘เขยคนโต’ของ ทักษิณ ชินวัตร กับ ยศชยัน วงศ์สวัสดิ์ ‘ลูกชาย’ สมชาย-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี
จะจริงหรือมั่ว จะชัวร์หรือจะไม่ใช่ ยังต้องร้องเพลง ‘รอ’ กันต่อไป แต่สมมุติว่าเป็นเช่นนั้นตามที่ข่าวปรากฏ ก็แสดงว่า ‘ชิน-ดา-วงศ์’ ยังคงไปต่อไม่พอแค่นี้ คำว่าชิน-ดา-วงศ์นั้นประกอบด้วย ‘ชินวัตร’ ,’ดามาพงศ์’ และ‘วงศ์สวัสดิ์’
พูดถึง ‘ชินวัตร’ วันนี้ ชะตากรรม ตั้งแต่รุ่นแรก รุ่น 2 และรุ่น 3 น่าจะไม่ต่างกัน กรณีรุ่นแรก ‘ทักษิณ’ ที่ถูกอุทธรณ์คดี ม.112 จนไปถึง ‘เลี่ยงภาษี’ 1.7 หมื่นล้านบาท จนถึง ‘รุ่น2’ นารีขี่ม้าขาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่วันนี้‘อยู่แดนไกล’ หนีคดี และยังต้อง ‘ชดใช้’ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากโครงการ ‘จำนำข้าว’ ตามที่ศาลปกครองสูงสุดชี้ขาดราวๆ 10,000 ล้านบาทเมื่อราวเดือน พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา
ขณะที่ ‘รุ่น3’ แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็กำลังถูกตรวจสอบกรณี ‘ตั๋วPN’ ที่ถูกอภิปรายไว้ในสภา ว่าตั๋วPN วงเงิน 4,434 ล้านบาทนั้นเป็น ‘นิติกรรมอำพราง’ หรือไม่ เพราะ ‘กูรู้’หลายคนบอกว่า เป็นการสร้างหนี้ปลอม เลี่ยงภาษี 218 ล้านบาท
ผู้ที่จะ‘ไขความ’ ให้เกิดการ ‘แจ้งกระจ่าง’ คือ กรมสรรพากรหน่วยงานหลักผู้สู้เรื่องภาษีกับทักษิณจนถึงชั้นฎีกา ความคืบหน้าสุด สรรพากร ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้แล้ว
ดูทางแล้วต้องบอกว่า ‘น่าหวาดเสียว’ เสียนี่กระไร ยิ่งไปดูประโยคของศาลฎีกาจากกรณีภาษีของทักษิณ ที่บอกว่า ‘ขาดคุณธรรมทางภาษี’ ด้วยแล้วจะยิ่ง‘เสียวไส้’คูณสอง
‘ขาดคุณธรรมทางภาษี’ น่าจะเป็นประโยคประจำปี 2568 เลยก็ว่าได้ เผลอ ๆ จะถึงขั้นประโยค ‘อมตะตลอดกาล’ พอๆกับประโยคที่ว่า ‘บกพร่องโดยสุจริต’ ยังไงยังงั้นเลยทีเดียว
<<<<<>>>>>>
เมื่อ‘เอกนิติ’ หลง‘กลิ่นการเมือง’
‘อนุทิน’ในวันที่มี‘ขุนคลัง’คู่กาย
ฮือฮาในรอบ 2 เดือนก็น่าจะไม่ผิดนัก สำหรับ ‘เอก’ หรือ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและรมว.คลัง
ฮือฮาแรกคือ การได้บท ‘ขุนคลัง’ ขุนพลคนสำคัญของทีมเศรษฐกิจ รัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล อย่างที่รู้กัน ‘เอกนิติ’ กระโดดออกจากกระทรวงการคลังจาก ข้าราการประจำผู้ผ่านงานมาแล้ว ‘หลายกรม’ มานั่งรองนายกฯและรมว.คลัง ทั้งๆที่เหลืออายุราขการอยู่หลายปี และ ‘เส้นทาง’ของการขึ้นสู่ปลัดกระทรวงก็ยังมีให้ ‘ลุ้นอยู่’ ถือเป็น 1ในครม.‘น้ำดี’ คนแรกๆของรัฐบาลเดอะหนู
เอกนิติ นี่แหละที่เป็น ‘กลจักร’ สำคัญในการเอา ‘คนละครึ่ง’ กลับมากระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และนโยบาย ‘อนุทินนิยม’ ที่ ‘พูดแล้วทำ’ ได้สร้างความนิยมของอนุทินขึ้นมาชั่วข้ามคืน
ฮือฮาที่ 2 คือการมีชื่อเป็น 1 ใน3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย พรรคการเมืองสีน้ำเงินที่สภาพวันนี้ไม่ต่างอะไรกับ ‘หมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่’ เพราะ อุดมสมบูรณ์ไปด้วย ‘บ้านใหญ่’ จากทั่วทุกสารทิศที่ไหลมารวมกัน
3 ชื่อแคนดิเดตของพรรคภูมิใจไทย ประกอบด้วย อนุทิน,เอกนิติและ ‘เดอะแต๋ม’ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ‘น้ำดี’ อีกคนของรัฐบาลอนุทิน
การจะเป็น ‘แคนดิเดตนายกฯ’ได้นั้นนอกจากพรรคการเมืองจะเสนอชื่อแล้ว ‘เจ้าตัว’ ต้องตอบรับ ต้องเต็มใจด้วย นั่นก็หมายความว่า ‘เส้นทาง’ รับราชการสำหรับ ‘เอกนิติ’ ได้ ‘ปิดตาย’ไปเป็นที่เรียบร้อย
ในแง่มุมของ ‘ขุนคลัง’ ก็ต้องบอกว่า หากไปเทียบกับพรรคการเมืองโดยเฉพาะจากพรรคคู่แข่งสำคัญอย่างพรรคประชาชน ที่กำลังจะใส่ชื่อ ‘ไหม’ ศิริกัญญา ตันสกุล หน.ทีมเศรษฐกิจเป็น1ใน3แคนดิเดตของพรรคสีส้มด้วยแล้ว ‘เอก’ ดูจะขี่ ‘ไหม’ อยู่ราวๆ 2 ช่วงตัวเห็นจะได้
งานการเมืองเป็น ‘งานอาสา’ หลายคนพูดอย่างนั้น ปรากฏการณ์ ‘เอกนิติ’ ที่ได้หลงกลิ่นการเมืองไปเรียบร้อยโรงเรียนอนุทินแล้วนั้น ‘อาสาตัว’ มารับใช้ประชาชน มองยังไง ‘สังคม’ก็มีแต่ได้กับได้
ว่าแต่การได้ ‘น้ำดี’ มาแค่หยด 2 หยด ไม่รู้จะไล่ ‘น้ำเน่า-น้ำครำ’ หมดกี่โมง
