เรื่องมันมีอยู่ว่า เก็บภาษี1.76หมื่นล้าน‘ทักษิณ’ ‘เพื่อไทย’กำลังจะ‘เครื่องพัง’ , ศึกซักฟอกเมื่อ‘แดง-ส้ม’คิดต่าง ไม่ไว้วางใจ‘อนุทิน’มีสิทธิ์‘หมัน’

17 พ.ย. 2568 - 23:45

  • คดีเก่าที่ค้างอยู่กำลังไล่เอาคืนทักษิณ ชินวัตร

  • คดีแรก มาตรา 112 และการขายหุ้นชินคอร์ปศาลสั่งให้เก็บภาษี

  • การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แตกคอกันชัดเจนระหว่าง แดงกับส้ม

เรื่องมันมีอยู่ว่า เก็บภาษี1.76หมื่นล้าน‘ทักษิณ’ ‘เพื่อไทย’กำลังจะ‘เครื่องพัง’ ,  ศึกซักฟอกเมื่อ‘แดง-ส้ม’คิดต่าง ไม่ไว้วางใจ‘อนุทิน’มีสิทธิ์‘หมัน’

เรื่องมันมีอยู่ว่า  เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่นัดหมาย คดีเก่าของทักษิณ ชินวัตรมีข้อสรุปในวันเดียวกัน 2 เรื่อง  คือเรื่องมาตรา 112 กับเรื่องการเสียภาษีการขายหุ้นชินคอร์ป ที่ศาลสั่งให้เก็บภาษีกว่า 17,000 ล้านบาท ส่งผลสะเทือนพรรคเพื่อไทย <> การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ฝ่ายค้ำ และ ฝ่ายแค้นก็แตกแยกทางความคิด เพราะเป้าหมายต่างกัน<>พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า

เก็บภาษี1.76หมื่นล้าน‘ทักษิณ’

‘เพื่อไทย’กำลังจะ‘เครื่องพัง’

ต้องบันทึกไว้ในเหตุการณ์ทางการเมืองว่า วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 มี 2 เรื่องเกิดขึ้นพร้อมกัน ‘โดยมิได้นัดหมาย’

เรื่องแรก กรณีอัยการสูงสุด อุทธรณ์คดีม.112 ของทักษิณ ชินวัตร ที่ก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้น ‘ยกฟ้อง’

มีกูรูทางกฎหมายให้ ‘ข้อมูล’ กับสังคมไว้ว่า การอุทธรณ์ในครั้งนี้จะทำให้ ทักษิณต้องติดคุกจนครบ 1 ปี จากกรณี ‘ชั้น14’   ไม่ได้ ‘ลดโทษ’ ออกจากคุกก่อนกำหนด  ตามเงื่อนไขอายุเกิน 70  และรับโทษมาแล้วส่วนหนึ่ง เพราะถือว่ายังมีคดีติดตัว

อีกเรื่องคือ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ให้ ทักษิณ ต้องเสียภาษี 1.76 หมื่นล้านจากการขายหุ้น ‘ชินคอร์ป’ให้กับเทมาเส็ก ในปี 2549

ศาลฎีกาพิพากษาให้ทักษิณ  ชินวัตร ต้องเสียภาษี 1.76 หมื่นล้านจากการขายหุ้นชินคอร์ปให้กับเทมาเส็ก หลังจากต่อสู้กันมาถึงสามศาล
ศาลฎีกาพิพากษาให้ทักษิณ ชินวัตร ต้องเสียภาษี 1.76 หมื่นล้านจากการขายหุ้นชินคอร์ปให้กับเทมาเส็ก หลังจากต่อสู้กันมาถึงสามศาล

คดีนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2560 กรมสรรพากรได้ออกหนังสือแจ้งประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อ ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 1.76 หมื่นล้านบาท จากกรณีการขายหุ้นชินคอร์ปฯ ต่อมา นายทักษิณได้ยื่นฟ้องกรมสรรพากรต่อศาลภาษีอากรกลาง เพื่อขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีดังกล่าว

โดยศาลภาษีอากรกลาง (ศาลชั้นต้น) พิพากษาให้ทักษิณ ‘ชนะคดี’ ต่อกรมสรรพากรได้ยื่นอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ได้มีคำพิพากษาเมื่อปี 2566 พิพากษายืนตามศาลภาษีอากรกลาง ให้นายทักษิณ ‘ชนะคดี’ เป็นศาลที่2

แต่กรมสรรพากรยื่นฎีกาต่อศาลฎีกาเพื่อสู้คดี จนกระทั่งในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ศาลฎีกา ได้มีคำพิพากษา ‘กลับคำตัดสิน’ของศาลอุทธรณ์ ให้เหตุผลว่าการประเมินภาษีของกรมสรรพากร ‘ชอบด้วยกฎหมาย’และให้บังคับคดีเรียกเก็บภาษีดังกล่าว

ตามขั้นตอน การบังคับคดีโดยจะต้องยื่นขอให้ออกหมายบังคับคดี ซึ่งคาดว่าจะราว 1-2 เดือน ก่อนจะสามารถดำเนินการยึดทรัพย์เพื่อชำระภาษีต่อไป

ย้อนไปในปี 2549 มีการขายบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ ให้กับบริษัทเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ของสิงคโปร์ มูลค่าสูงถึง 73,271 ล้านบาท

การขายครั้งนั้น เกิดคำถามทำไมถึง ‘ไม่เสียภาษีแม้แต่บาทเดียว’ เหตุการณ์ครั้งนี้ ขนาด ‘น้าแอ๊ด คาราบาว’ ยังแต่งเพลง ‘สมภารเซ้งโบสถ์’ไว้เตือนความจำ

หลังรัฐประหารปี 2549 เกิด ‘คตส.’ ตรวจสอบ ‘ทุกกรณี’ ที่สังคมคาใจ หลายคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาล  หลายคดี ‘พ้นข้อกล่าวหา’

อีกเรื่องที่เกี่ยวข้องกันคือ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอ่านคำพิพากษามติ ‘ให้ยึดทรัพย์’ ทักษิณและครอบครัว ที่ได้จากการขายหุ้นและเงินปันผล 46,373 ล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน

โดยระบุเหตุผลว่า ขณะดำรงตำแหน่งนายกฯได้‘ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์’ ให้แก่บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ รวม 5 กรณี ทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ

2 เรื่องที่เกิดขึ้น สร้างแรงสะเทือนไปถึงพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง ที่ปฏิบัติการ ‘ยกเครื่อง’ไปก่อนหน้านี้  ดูท่าแล้ว ‘เครื่องยนต์หลัก’ ได้พังไปเป็นที่เรียบร้อย

<<<<<<>>>>>> 

ศึกซักฟอกเมื่อ‘แดง-ส้ม’คิดต่าง

ไม่ไว้วางใจ‘อนุทิน’มีสิทธิ์‘หมัน’

‘ลูกแบต’ ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สส.อ่างทอง 4 สมัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร แกนนำพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมพร้อม ‘รับมือ’ ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ของ ‘ฝ่ายแค้น’ อย่างพรรคเพื่อไทยและ ‘ฝ่ายค้ำ’ อย่างพรรคประชาชน ไว้น่าสนใจยิ่ง

กรณี ฝ่ายค้ำอย่างพรรคประชาชน ที่มีผู้นำฝ่ายค้านชื่อ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ยัง ‘เก้ๆกังๆ’ เพราะ แกนนำพรรคอย่าง ศิริกัญญา ตันสกุล ออกมาบอกก่อนหน้านี้แล้ว ‘หลักฐาน’ แบบจะๆจังๆคาเขาคาหนังนั้น ‘ยังไม่ชัด’ อีกอย่าง การตรวจสอบรัฐบาลก็มีหลายมาตรการ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังทำหน้าที่ได้ แต่ ‘วงใน’ บอกว่า สิ่งเดียวที่ พรรคประชาชน ปรารถนา การผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับซะมากกว่า

ส่วนฝ่ายแค้นอย่างพรรคเพื่อไทย แบ่งเป็น 2 ปีก ปีหนึ่ง‘แค้นฝังหุ่น’  ส่วนอีกปีก ‘แค้นตามเกม’ แต่หากจะยื่น ‘ไม่ไว้วางใจ’ ก็เชื่อว่าน่าจะมีเอกภาพเสียง1ใน 5 เพียงพอกับการเสนอ‘ญัตติ’

ระหว่างบรรทัดที่ ‘ภราดร’ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่17 พฤศจิกายนน่าสนใจตรงนี้

‘นายกฯประกาศตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่มีแค่ 140 กว่าเสียง เพราะฉะนั้นในส่วนของงานสภาไม่ว่าจะเป็นญัตติใดถ้าไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภาก็คงไม่สามารถชนะโหวตได้ รวมถึงญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย ดังนั้นเมื่อถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจโอกาสที่จะพลิกชนะเสียงไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านมันเป็นไปไม่ได้เลย แต่อย่างไรก็ตามในรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าการจะไม่ไว้วางใจนั้นต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดคือ 250 เสียงถึงจะล้มรัฐบาลได้ ซึ่งต้องไปดูในช่วงนั้นว่าจะมีเสียงลงมติมากกว่ากึ่งหนึ่งหรือไม่’

สมมุติแรก พอเปิดสภาวันที่ 12 ธันวารรมนี้ พรรคเพื่อไทยจะ ‘ซักฟอก’ รัฐบาลก็สามารถยื่นได้เองเลยโดยไม่ต้องรอพรรคประชาชน

สมมุติต่อมา พรรคประชาชนจะร่วมอภิปรายด้วยหรือไม่ หลักฐานจะเพียงพอมีน้ำหนักหรือเป็นเวที ‘ด่าฟรี ด่าเอามันส์’ อย่างนายกฯระบุไว้ก่อนหน้านี้

สมมุติสุดท้ายอย่างที่ ‘ภราดร’ กล่าวไว้ว่า จะไม่ไว้วางใจรัฐบาล ‘เสียงไม่ไว้วางใจ’ ต้องเกิน ‘กึ่งหนึ่ง’ คือเสียงเพื่อไทยกับประชาชนต้อง ‘รวมกัน’ ถึงตอนนี้พรรคเพื่อไทยที่มีสีภาพ ‘เลือดไหล’แทบทุกวัน สส.ที่อยู่กับพรรควันนี้ ‘ร่อยหลอ’ เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

อีกมุมของ ‘ไม่ไว้วางใจ’ อยู่ที่ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ล่าสุด ‘ชี้โพรง’ไว้ว่า หากมีการยื่นไม่ไว้วางใจแล้วจะ ‘ยุบสภา’ ได้หรือไม่ ในความเห็น 2 ฝ่าย คือรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 วรรค2 กำหนดชัดเจนว่า เมื่อยื่นญัตติแล้วจะยุบสภาไม่ได้ ขณะที่ข้อบังคับการประชุมสภา ระบุว่า เมื่อยื่น‘ไม่ไว้วางใจ’ แล้วกำหนดให้ประธานสภาตรวจสอบ ‘ความถูกต้อง’ ก่อนบรรจุวาระ โดยให้เสร็จไม่เกิน ‘ 7 วัน’

 ‘ช่วงเวลาดังกล่าวจะยุบสภาได้หรือไม่ เป็นประเด็นข้อกฎหมาย ผมได้มอบหมายให้เลขาธิการสภาฯ ประชุมกับฝ่ายกฎหมายของสภาฯ พิจารณาเบื้องต้นแล้วเห็นว่า ต้องยึดตามรัฐธรรมนูญ ส่วนข้อบังคับนั้น มีสิทธิ์น้อยกว่า แต่จะมีคนขอหารือไปยังหน่วยงานอื่นก็แล้วแต่’

‘ยุบสภา’จะมาเร็วกว่า 31 มกราคม 2569 หรือไม่นั้น ก็อยู่ว่าที่ ศึกซักฟอก ญัตติ‘ไม่ไว้วางใจ’จะเกิดขึ้นหรือไม่ 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์