เรื่องมันมีอยู่ว่า พรรคกล้าธรรมกลายเป็นสายล่อฟ้าที่เขย่ารัฐบาลเป็นระยะ ภูมิใจไทยรับได้แค่ไหน จะจับมือกันแล้วสู้ หรือยอมหมอบ <> พรรคประชาธิปัตย์กำลังดิ้นรนให้ห่างจากการล่มสลาย เปลี่ยนหัวหน้าพรรคแล้ว ต่อไปคือการตามหาคนดีมาร่วมพรรค <>พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า
‘สายล่อฟ้า’มีกันทุกพรรค
‘อนุทิน-ธรรมนัส’จับมือสู้
ในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 หัวข้อ Thailand’s Next Frontier : A National Economic Vision วิสัยทัศน์ประเทศไทยในโลกใหม่ ช่วงหนึ่ง นายกฯหนู อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย ตอบในคำถามที่ว่า จะยุบสภา 4 เดือน ตามเอ็มโอเอ ที่ทำไว้กับพรรคประชาชน(ปชน.)หรือไม่
‘4 เดือนคือสิ่งที่เราได้สัญญาไว้กับพรรคปชน. เพราะมองกันว่าบ้านเมืองในขณะนั้นการยุบสภาฯเลือกตั้งใหม่คืนอำนาจให้ประชาชนน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด พรรคที่เป็นรัฐบาลตอนนั้นมีข้อสงสัยว่านายกฯรักษาราชการยุบสภาฯได้หรือไม่ จึงต้องมีวิธีการดำเนินการให้มีการยุบสภาฯ เราเล่นตามกติกา พรรคปชน.มีสส.มากกว่าเรา แต่เขาไม่มีแคนดิเดตนายกฯ เมื่อต้องเลือกตั้งคืนอำนาจให้ประชาชนจึงเป็นที่มาของMOA’
นายกฯอนุทิน เสริมอีกว่า
‘ผมยืนยันตลอดไม่เคยเปลี่ยน มีคนเยอะแยะมาบอกว่าจะมีเหตุการณ์อย่างนั้นอย่างนี้ เอาเป็นข้ออ้างได้ ผมรับฟังแต่รับรองไม่ปฏิบัติตาม เพราะพรรคปชน.ทำให้ผมเป็นนายกฯ ผมต้องรักษาสัญญาที่มีไว้ เมื่อครบ 4 เดือนก็ต้องยุบสภาฯ ส่วนจะยุบสภาฯก่อนหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ก็ต้องดูสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา’
นายกฯหนูตอบไกลไปกว่านั้นอีกว่า ‘การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะอภิปรายโดยวัตถุประสงค์อะไร เราต้องดูไทม์ไลน์กว่าจะยื่นอภิปรายได้สภาฯเปิดสมัยประชุมเดือนธ.ค. ตั้งใจยุบสภาฯวันที่ 31 ม.ค.อยู่แล้ว ผมคงไม่ปล่อยให้ใครมาด่ารัฐบาลเล่นๆฟรีๆ หากเป็นเกมการเมือง รัฐบาลสู้เกมการเมืองไม่ได้ก็ยุบสภาไป ห่างแค่เดือนเดียวคงไม่ทำให้เกิดความแตกต่างอะไร’
ตัดมาอีกภาพที่ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
มีภาพนายกฯหนู นั่งเก้าอี้นายกฯในห้องทำงาน กำลังสนทนากับรองนายกฯและรมว.เกษตร ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กันแบบ 2 ต่อ 2

นายกฯหนู บอกว่าคุยกันเรื่องงาน ไม่มีคุยเรื่องแต่งตั้ง ธนดล สุวัณณะฤทธิ์ เป็นข้าราชการการเมือง ‘เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เสียงของพรรคกล้าธรรม(กธ.)ก็ถือว่าเป็นเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล’
กังวลหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสเหมือนเป็นสายล่อฟ้ารัฐบาล นายกฯหนู ระบุว่า ‘ทุกพรรคมีสายล่อฟ้าหมด’
ใน2เหตุการณ์มี ‘Key Massage’ หรือ ‘ใจความหลัก’ อยู่หลายประโยค เช่น ยุบสภา 31มกราคม 2569 ,เป็นสัญญากับพรรคปชน.ตามMOA ,พร้อมสู้อภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ปล่อยให้ด่าฟรีๆ,เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม และ ‘ใจความหลัก’ สุดท้าย ทุกพรรคมีสายล่อฟ้า
มาถึงตรงนี้ ต้องบอกว่า นายกฯหนู ‘สู้แน่’ ส่วนจะสู้แค่ไหน ต้องตามดู
<<<<<>>>>>
จากสูญพันธุ์ถึงเวลา‘ขยายพันธุ์’
เมื่อ‘ค่ายสีฟ้า’ประกาศหา‘คนดี’
ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม ได้เวลา ‘Kick-off ’ กันซะที หลัง กก บห.พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ยุค อภิสิทธิ์ ‘รีเทิร์น’ใช้เวลา ‘กวาดบ้าน’ กันอยู่พักใหญ่ น่าจะเป็นการ ‘กวาดบ้านครั้งสุดท้าย’
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำ กก.บห.ประกาศ ‘เชื้อเชิญ’รับผู้ประสงค์จะยื่นแสดงความจำนง ลงสมัคร สส.ในนามพรรคภายใต้ชื่อ ‘สส.ที่ดี คุณเองก็เป็นได้นะ’
‘บ้านเมืองเรา ประเทศเรา มีปัญหาสะสมเรื้อรังยืดเยื้อมาเป็นระยะเวลายาวนาน ส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นเพราะการเมืองไม่สุจริต และการเมืองที่ไม่สุจริต ไม่เพียงแต่สร้างปัญหาที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองทุกวันนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นสื่อไหน ก็มีแต่การพูดถึงเรื่องปัญหาเงินทุนสีเทา การทุจริตคอร์รัปชั่น การกระทําผิดกฎหมาย บางครั้งเกี่ยวข้องไปถึงอาชญากรรมข้ามชาติ การเมืองที่ไม่สุจริต เป็นที่มาของการที่ระบบเศรษฐกิจขาดประสิทธิภาพ การเมืองที่ไม่สุจริต เป็นที่มาที่ทําให้เกิดปัญหาสะสมของสังคมมากมาย ทั้งหมดนี้ ถ้าเราปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ผมก็มองไม่เห็นว่า บ้านเมืองเราจะเดินไปข้างหน้าได้อย่างไร’
จากนั้นก็มีลูกอ้อนตามมา
‘วันนี้เราจะทําโครงการที่ใช้คําว่า สส.ที่ดี คุณเองก็เป็นได้นะ วันนี้ประชาชนไม่สามารถคาดหวังว่า สส.ที่ดีจะลอยมาจากที่ไหน และประชาชนอีกจํานวนมากเชื่อว่าไม่ได้ตั้งความหวังกับ สส.ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน’
ปิดท้ายอย่างเน้น ๆ
‘ผมไม่โกหกนะครับ เชิญชวนนี่ คือชวนมาเหนื่อย ไม่ได้ชวนมาสบาย เพราะวันนี้ถ้าไม่เหนื่อย บ้านเมืองก็ไม่ดีขึ้น’
ถึงเวลานี้ สังเกตว่า ปชป. ยุค ‘อภิสิทธิ์รีเทิร์น’ จะไม่พูดเรื่องตัวเลขการเมือง ยังไม่พูดเรื่องนโยบาย ที่ว่ากันว่าเริ่มเตรียมการนำเสนอต่อสังคมไว้แล้ว แต่อภิสิทธิ์กำลังพูดถึงสิ่งที่อยู่ในใจผู้คนมานานว่า ใครจะไปใครจะมาก็ ‘กินเหมือนกัน’ทั้งนั้น
บางคนบอกว่า คุณภาพของสส.มาจากคุณภาพของประชาชนคนเลือก อันนั้นก็ใช่ แต่ไม่น่าจะทั้งหมด อภิสิทธิ์กำลังจะพิสูจน์ ‘คนดี’ควรจะมี ‘ที่ยืน’ และควรจะเริ่มที่การเป็นสส.
ต้องยอมรับว่า ปชป.ในยุคเฟื่องฟูนั้น เริ่มจาการสร้าง ‘คนคุณภาพ’ให้เข้ามาสู่การเมือง สร้างบทบาททางการเมืองในฐานะผู้ตรวจสอบด้วยการเป็นฝ่ายค้าน จนได้เป็นรัฐบาลในเวลาต่อมา
โอกาส ‘สูญพันธุ์’ทางการเมือง ถึงตอนนี้ไม่น่าจะมี ส่วนโอกาสที่ ‘ขยายพันธุ์’ ค่ายสีฟ้า ด้วยการเชื้อเชิญ ‘คนที่มีดี’ มาร่วมทำงานนั้น ‘ไม่ง่าย’ เพราะภาพการเมืองไทย เวลานี้ใครเข้าไปก็ต้อง ‘ตัวดำ’ทั้งนั้นไม่มากก็น้อย
คำท่านพุทธทาส บอกไว้ว่า ‘สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในสังคม ไม่ใช่คนทำชั่วมากขึ้น ไม่ใช่คนทำดีน้อยลง แต่อยู่ที่คนเรา ‘แยกแยะ’ไม่ได้ว่า ‘อะไรชั่ว อะไรดี’ จบข่าว


