เรื่องมันมีอยู่ว่า พรรคส้มเคยล้มบ้านใหญ่มาหลายจังหวัด แต่การเมืองหลังจากนี้เปลี่ยนไป ให้ความสำคัญกับบ้านใหญ่มากขึ้น อย่างน้อย 2 บ้านใหญ่เปลี่ยนเสื้อมาเป็นสีส้ม <>อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์กำลังตามล่าหาทองคำ 300 ล้านบาท หลังจาก ปปง.ใช้เวลาสอบกว่า 2 ปี แต่เรื่องเงียบ<>พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า
‘ตันเจริญ-รัตนเศรษฐ’ใส่สีส้ม
พรรคประชาชนนิยม‘บ้านใหญ่’
น่าจะเป็นเพราะ ‘ปฎิเสธ’ ความเป็นจริงทางการเมืองไทยได้ยากว่า การเมืองแบบ ‘บ้านใหญ่’ นั้นมี ‘กำลังภายใน’ ผ่านระบบที่เรียกว่า ‘หัวคะแนน’ ซึ่งเป็นรูปแบบที่ พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล ‘ปฎิเสธ’ มาตลอด
จนมาเป็น พรรคประชาชน วันนี้ที่เริ่ม ‘เข้าใจ’ ในยามที่ ‘กระแส’ ไม่มาเหมือนวันเก่า การผสมระหว่าง 2 สิ่ง น่าจะเป็นสิ่งที่จะพาพรรคประชาชน ‘เข้าป้าย’ ชนะการเลือกตั้งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
มี 2 เหตุการณ์ใน 2 สนามการเลือกตั้งเกิดขึ้น เหตุการณ์ที่จ.ฉะเชิงเทรา ที่ตระกูล ‘ตันเจริญ’ ตระกูลการเมืองชื่อดัง ประกาศส่ง ‘ทายาท’ ลงเลือกตั้งในนามพรรคประชาชน
มีข่าวว่า ‘พ่อมดดำ’ สุชาติ ตันเจริญ คนที่มีบ้านหลังใหญ่อยู่ริมน้ำ อดีตรองประธานสภาฯอดีตรมต.หลายสมัย จะส่ง ‘มดแดง’ หรือ ศุกติชา ตันเจริญ ลูกชายพิเชษฐ์ ตันเจริญ พี่ชายของนายสุชาติ ลงสนามใหญ่ ฉะเชิงเทรา แถว อ.สนามชัยเขต
พูดถึง สุชาติ นั้นมีทายาทการเมือง2คน คนหนึ่งชื่อ ‘มดเล็ก’ หรือ ศักดิ์ชาย ตันเจริญ หรือ มดเล็ก น้องชายของพิธีกรทีวีชื่อดัง ‘มดดำ’ คชาภา ตันเจริญ ผู้ซึ่งที่ประกาศตัวว่าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ‘มดเล็ก’ เล่นการเมืองท้องถิ่น ในการเลือกตั้งปี 2566 ‘มดเล็ก’ สวมเสื้อพรรคเพื่อไทย โดยมี ‘มดดำ’เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ
อีกเหตุการณ์ คือตระกูลการเมืองดังเมืองย่าโม นครราชสีมา ตระกูล ‘รัตนเศรษฐ’ ล่าสุด อธิรัฐ รัตนเศรษฐ อดีตรมช.คมนาคม อดีตสส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ภาพสวมเสื้อโลโก้พรรคประชาชนโดยระบุว่า
‘การเดินทางครั้งใหม่ หนังสือเล่มใหม่ กับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ พรรคประชาชน เราเอาจริง มาช่วยกัน ร่วมสู้ ร่วมสร้าง ไปด้วยกันนะครับ’
อธิรัฐ เป็นบุตรชายคนโตของ วิรัช รัตนเศรษฐ อดีตประธานวิปรัฐบาล และสส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์ ตามข่าวก่อนหน้านี้ ‘2 น้องชาย’ ของ อธิรัฐ คือทวิรัฐ รัตนเศรษฐ อดีตสส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ และตติรัฐ รัตนเศรษฐ ได้เปิดตัวร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยไปแล้ว
ผู้พ่ออย่าง วิรัช เป็น สส.หลายสมัยหลายพรรค ส่วนผู้แม่อย่างเช่น ทัศนียา ก็เคยเป็นสส.มาแล้วเช่นกัน แต่วันนี้ทั้งคู่ รวมถึงน้องสาวของ ทัศนียา ที่ชื่อ ทัศนาพร เกษเมธีการุณ ที่ทั้งหมดถูก ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ‘พิพากษาจำคุก’ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 จากคดีทุจริตสนามฟุตซอล ในอดีตอันโด่งดัง
เฉพาะ วิรัช ถูกตัดสินจำคุก 4 ปี ทัศนียาถูกตัดสินจำคุก 3 ปี 4 เดือน คดียังไม่สิ้นสุดเพราะมีการ ‘อุทธรณ์’ ต่อ ครั้นจะบอกพ่อแม่ทำอะไรไว้ลูกไม่เกี่ยวนั้น ให้สังคมตัดสินก็แล้วกัน
สมประโยชน์กันทุกฝ่าย พรรคประชาชนก็ได้ ‘ลูกบ้านใหญ่’ มาช่วยเสริมกระแส ขณะที่ ‘ลูกบ้านใหญ่’ ก็ ‘กระจายความเสี่ยง’ อยู่ทั้ง 2 พรรค
ถามหน่อยที่ประกาศจะทำ ‘การเมืองใหม่’ ใช่จริงๆใช่มั้ย
<<<<>>>>>
‘พี่อัจ’รับปากล่าทองคำ300ล้าน
ปปง.อ้ำอึ้งหลัง2ปีเรื่องยัง‘เงียบฉี่’
วันก่อนได้ยิน อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ให้สัมภาษณ์ว่า
‘ผมไม่ใช่เครื่องมือของพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร ส่วนเรื่องที่สื่อมวลชนฝากให้ผมถาม พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์เรื่องทองคำ 300 ล้านบาท ผมจะถามในที่ประชุมกรรมาธิการฯ วันที่ 26 พฤศจิกายนนี้เช่นกันว่า อดีตรองผบ. ตร.ซื้อทองมูลค่านั้นจริงหรือไม่’

กรณี ข่าวขายทองคำล็อตใหญ่หนัก 10,000 กว่าบาท มูลค่า 271 ล้านนั้น ผ่านมา 1 ปี 8 เดือนมีความคืบหน้าถึงไหน เพราะในรายการ ‘คุยทุกเรื่องกับสนธิ’เมื่อวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายนได้พูดถึงเรื่องนี้
ตามข้อมูลระบุว่า เรื่องนี้ในที่ประชุมกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สภาผู้แทนฯ เมื่อปี 2567 ที่มีการตรวจสอบเครือข่ายเว็บไซต์การพนันออนไลน์ วันนั้นมีการเชิญเลขาธิการปปง.,ประธานคณะกรรมการบริหารร้านทองแห่งหนึ่ง ซึ่งมีกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.คนดัง ได้นำทองจำนวนหนึ่งไปขาย รวมถึงนายกสมาคมค้าทองคำ และนายกสมาคมเพชรพลอยเงินทอง เข้าให้ข้อมูลกว่า 3 ชั่วโมง
เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สส.เลย พรรคเพื่อไทยซึ่งปัจจุบันเป็นกก.บห.พรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า คนใกล้ชิดนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เอาทองจำนวนมากไปขายเป็นข้อเท็จจริงแค่ไหน มีการรายงานธุรกรรมทางการเงินหรือไม่ และมีการให้เงินสดหรือโอนเงินอย่างไร ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานให้กับร้านขายทองหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายทอง เพราะ ‘ทองคำ’ ได้กลายเป็นเครื่องมือในกระบวนการฟอกเงินไปแล้ว
มีการถามด้วยว่า กรณีนี้ ปปง. จะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ร้านทองที่มาในวันนั้นไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรมาก เพราะอ้างสิทธิว่าให้ข้อมูลกับ ปปง.ไปหมดแล้ว และ ปปง.ไม่อยากให้เสียรูปคดี
จากวันนั้นถึงวันนี้ เผ่านมาจะ 2 ปี ปปง.สืบสวนสอบสวนไปถึงไหนแล้ว ซึ่งตัวเลขที่ชัดเจนก็คือทองคำหนัก 10,945 บาท คิดเป็นมูลค่า 271 ล้านบาท
รายการดังค่ายผู้จัดการให้ข้อมูลด้วยว่า มีคนวงในให้ข้อมูลไว้ว่า ในหลักฐานการขายนั้นไม่ได้มีแค่ ‘ใบซื้อขาย’ ที่มีเป็นบัตรประชาชน ‘คนใกล้ชิด’ ตำรวจใหญ่ชื่อดังเท่านั้น แต่ยังมีภาพจาก ‘กล้องวงจรปิด’ ปรากฏภาพ ‘ตำรวจใหญ่’ ที่ว่ากันว่าน่าเป็นเจ้าของทองคำตัวจริงเข้าไปนั่งคุมการซื้อขายด้วยตัวเองอีกด้วย
ปัจจุบัน เลขาธิการ ปปง.ชื่อ เทพสุ บวรโชติดารา น่าจะต้องหาคำตอบเรื่องนี้มาบอกสังคมได้แล้ว
วันนี้ทั้ง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ และอัจฉริยะ ได้จับมือกันออกมาปลุกกระแส ‘ไทยเทา’ กันชนิดรายวัน หมดประเด็นนั้น ต่อด้วยประเด็นนี้ แต่ทั้งคู่ ‘แยกหน้าที่’ กันชัดเจน พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เน้นไปที่ ‘สีกากี’ ที่ตัวเองมีคดีติดตัวและเชี่ยวชาญ ขณะที่ ‘พี่อัจ’ เน้นไปที่ ‘นักการเมือง’ ซึ่งเอาเข้าจริงๆก็มีหลักฐานแล้วก่อนหน้านี้ เพราะเพียงแค่ ‘เขี่ยถ่าน’ ไฟก็ลุกพรึ่บไปทั้งสังคม
รายการทอร์คชื่อดังให้ข้อมูลไว้ละเอียดถึงการขายทอง 300 ล้านบาทว่า มีข้อมูลทั้ง ‘คนที่ไปขาย’ ทั้ง ‘ทองที่ขายไป’ และทั้ง ‘ช่วงเวลาที่ขาย’ และไปขายที่ ‘ร้านไหนบ้าง’
เขียนใส่กระดาษแปะข้างฝารอเลยนะว่า วันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ ‘พี่อัจ’ จะถามเรื่องทองคำ 300 ล้านบาท ไหนจะถามแล้วก็ ‘ซักไซ้’ ให้สมกับฉายา ‘โคนันเมืองไทย’ หน่อยก็น่าจะดี นะครับ


