เรื่องมันมีอยู่ว่า ภูมิไจไทย ยังแสดงถึงพลัง ความพร้อมในการดูบรรดาบ้านใหญ่จากพรรคต่าง ๆ เข้าสู่ร่มเงาบุรีรัมย์ โมเดลเดียวกับพรรคไทยรักไทยที่เคยรุ่งเรืองในอดีต <>พรรคส้มระดมกำลังออกนโยบาย ไทยไม่เทา เท่ากัน ทันโลก พร้อมกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ รับการเลือกตั้ง <>พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า
ภูมิใจไทย=ไทยรักไทย 2544
ปฏิบัติการดูดจน‘หยดสุดท้าย’
หลังดีด ‘ลูกคิดรางแก้ว’ อยู่นานสองนาน ที่สุด ‘เลือดบรรหาร’ วราวุธ ศิลปอาชา พร้อมก๊วนการเมืองสังกัด ‘ชาติไทยพัฒนา’ พรรคการเมืองที่ต่อยอดมาจากพรรคชาติไทย ที่เป็น ‘บันได’ส่ง บรรหาร ศิลปอาชา เตี่ยของวราวุธ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่21 ของประเทศไทย ก็ตัดสินใจลดละตัวตน สละมรดกเตี่ย เพื่อความอยู่รอด
‘ถ้าต่อต้านไม่ได้ ก็จงเป็นพวก’ หลายคนพูดอย่างนั้น ฉะนั้นอย่า ‘แปลกใจ’ หาก ‘บ้านใหญ่’ จะตบเท้าเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย เพื่อให้ ‘คณิตศาสตร์การเมือง’ ที่พรรคสีน้ำเงิน ‘ปรารถนา’ จะเป็นพรรคอันดับ 1 เพื่อจัดตั้งหลังรัฐบาลในปี 2569 ให้จงได้
การไหลรวมเข้าพรรคที่เชื่อกันว่าจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีให้เห็นมาทุกครั้ง แต่‘คราวนี้’ ดูจะ ‘อึกทึกครึกโครม’ กว่าหลายๆครั้งที่ผ่านมา

สภาพของพรรคภูมิใจไทยในวันนี้ เอาจริงๆก็ไม่ต่างอะไรกับการ ‘ตบเท้า’ เข้าพรรคไทยรักไทย ที่ทักษิณ ชินวัตร และชาวคณะร่วมกันก่อตั้ง คราวนั้น พรรคทักษิณ ประกาศจะเอา ‘น้ำดี’ เข้าพรรค แต่สุดท้ายเมื่อไม่สามารถปฎิเสธการเมืองแบบคณิตศาสตร์ได้ ก็เกิดการย้ายพรรคจากพรรคความหวังใหม่กันมโหฬาร การมาของกลุ่ม‘วังน้ำเย็น’ในครั้งนั้นก็มี ‘ที่ดินอัลไพน์’ ติดมาด้วย
คราวนั้น ‘ถนนทุกสาย’ มุ่งเข้าพรรคไทยรักไทย โดยที่มีพรรคความหวังใหม่ เป็นพรรคสนับสนุน มาวันนี้ พรรคภูมิใจไทย ภายใต้การนำของ ‘คู่หู’ อย่าง ‘อนุทิน-เนวิน’ ก็พอจะมองออกว่า ต้องมาอับดับ 1 เท่านั้นถึงจะตั้งรัฐบาลได้ ส่วนพรรคร่วมสำคัญ ก็อยู่ที่ว่าพรรคเพื่อไทยปีก ‘สมศักดิ์-สุริยะ’ กับพรรคกล้าธรรม ใครจะมามากกว่ากัน แล้วผสมกับพรรคขนาดเล็กอีกสัก 1 พรรค ก็น่าจะตั้งรัฐบาลสบาย ๆ
สมัยพรรคไทยรักไทยนั้น ‘คอการเมือง’ ส่วนใหญ่ก็ปรามาสว่า ‘โตไม่นานเดี๋ยวก็แตก’ แต่สุดท้าย พรรคไทยรักไทย ใช้การบริหารการเมืองแบบ ‘มุ้งใครมุ้งมัน’ จนเกิด มุ้งวังน้ำเย็น, วังบัวบาน,วังพญานาค,วังน้ำยม จนครบ4ปี
เหตุที่พรรคไทยรักไทยมาถึง ‘ทางตัน’ มาจากคำ 2 คำ คำแรก ‘รวยแล้วไม่โกง’ กับอีกคำ คือ ‘ผลประโยชน์ทับซ้อน’ ที่สุดก็เกิดการล่มสลายหลังรัฐประหารปี2549 ‘ผลพวงหนึ่ง’ ที่ตามมาจนเห็นเป็น ‘รูปธรรม’ คือ ภาษีทักษิณ 1.76 ล้านบาทหมาดๆที่ผ่านมานี่เอง
ว่ากันว่าพรรคภูมิใจไทยก็มีการจัดการ ‘ภายใน’ ที่ไม่ต่างกัน โดยมีการจัดการในลักษณะแบบ
‘10 หยิบ 1’ หากสังเกตจะพบว่า สส.พรรคภูมิใจไทย จะไม่ด่าพรรคเหมือนที่ ‘ลูกพรรค’ หลายพรรคทำกัน
อนุทิน ชาญวีรกูล ผ่านการเมืองมา ‘โชกโชน’ ชนิดหาตัวจับยาก ‘เนเวิน ชิดชอบ’ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ‘โชกเลือด’ ขนาดไหนก็ผ่านมาแล้ว
นาทีนี้ ‘เป้าหมาย’ จึงมี ‘หนึ่งเดียว’ คือมา ‘อันดับ 1’ให้จงได้
<<<<<<>>>>>>
‘เท้ง’โชว์‘ไทยเทา-เท่า-ทัน’
‘ธร’อ้อน‘ให้โอกาสพวกเรา’
ในกิจกรรม ‘รีชาร์จประชาชน Recharge the People’ ที่พรรคประชาชนจัดขึ้น วันก่อน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า กล่าวในหัวข้อ ‘Orange Megaprojectsการลงทุนครั้งใหญ่เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย’
ช่วงหนึ่งน่าสนใจว่า จะเสนอการลงทุนครั้งใหญ่ 6.3 แสนล้านบาทใน 8 ปี หากพรรคประชาชนเป็นรัฐบาลแบ่งเป็นการจัดการน้ำเสีย 60,000 ล้าน,น้ำประปาดื่มได้ 75,000 ล้าน,ขนส่งสาธารณะ 37,000 ล้าน,การจัดการขยะ 1.83 แสนล้านบาท, โรงเรียน 50,000 ล้านบาท โรงพยาบาล 30,000ล้านบาท ,โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ 1.92 แสนล้านบาท
‘หากเราไม่กล้าคิดอย่างทะเยอทะยานเราจะไปไม่ถึง หลายคนฟังแล้วบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ลองให้โอกาสพวกเราดู ผมคิดว่านี่เป็นเวลาของการกล้าทะเยอทะยาน นี่คือสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปหากพรรคประชาชนได้รับความไว้วางใจ ให้เข้ามาบริหารจัดการงบประมาณ งบฯ จะไม่ถูกใช้อย่างสะเปะสะปะ แต่จะถูกใช้อย่างมีเป้าหมาย เราจะทำให้คงเส้นคงวาและทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ให้เป็นจริง เหตุผลที่ต้องใช้ 8 ปี เพราะเรื่องเหล่านี้มันใหญ่ 4 ปีไม่จบ’
ดูไปแล้ว นี่มันงานของเทศบาล หรือ อบจ. ชัดๆ แปลกใจว่า ธนาธร ทำไมคิดได้แค่นี้
ด้าน ‘เท้ง’ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ระบุว่า เราต้องทำให้ประเทศไทยไม่มีสีเทา ประเทศไทยที่เท่าเทียม เท่าทันโลก
ทั้งนี้ ‘หัวหน้าเท้ง’ อธิบายด้วยว่า แต่ละ ‘ท.’ ต้องทำอย่างไร แต่ ‘ไฮไลท์’ สำคัญคือ ‘แคนดิเดต’ นายกรัฐมนตรีพรรคประชาชน ซึ่งคราวนี้มา 3 คน ประกอบด้วย
1.ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค
2.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคฝ่ายนโยบาย
3.วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรค

‘เราทำงานเป็นทีม ที่บอกลำดับต่างๆ เพราะเราเชื่อว่าการเสนอตัวในการเลือกตั้ง เราไม่อยากให้เป็นนายกฯกล่องสุ่ม ไม่ใช่ให้ประชาชนเข้าคูหาเลือกตั้งแล้วไปเลือกกันเอง ว่าตกลง 3 คนนี้ใครจะเป็น เราต้องการตรงไปตรงมากับประชาชน ตอนเข้าคูหาคุณต้องรู้เลยว่าหากไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ใคร คือเบอร์ 1 เบอร์ 2 และเบอร์ 3 แต่หากมีอะไรเกิดขึ้นนี่ก็คือโฉมหน้าของพวกเรา รวมถึงเราจะทำงานกันเป็นทีม เพื่อส่งต่อประเทศไทยที่ไม่เทา เท่ากัน และทันโลกไปด้วยกัน’
น่าสนใจตรงที่ ‘เท้ง’ ระบุว่า ‘หากไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง’ ไม่รู้จะใช่คดี ‘44 สส.’ พรรคก้าวไกลที่เข้าชื่อเสนอแก้ไข ม.112 หรือไม่
จาก‘ธร’ หุ้นวี-ลัค มีเดีย มาถึง ‘ทิม’ หุ้นไอทีวี และคำว่า ‘เซาะกร่อนบ่อนทำลาย’
แล้วมาถึง ‘เท้ง’ ในกรณี ‘112’ หวังว่า จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ


