กรณี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล ในทำนอง “ถ้ามี แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี จะได้พ่อนายกฯ เป็นที่ปรึกษา” ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้ถูกมองว่าเป็นการครอบงำรัฐบาลหรือไม่นั้น?
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี มองว่า “คงไม่ใช่หรอก เพราะวันนี้ในฐานะที่ แพทองธาร เป็นนายกฯ สามารถที่จะปรึกษาหารือใครก็ได้ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เห็นต่าง หรือ สส.ทั้งฝ่ายค้าน หรือประชาชนที่เห็นต่าง เราก็รับฟัง แต่ความคิดเห็นของ ทักษิณ ที่เป็นนายกฯ ที่มีประสบการณ์มานาน มีความสัมพันธ์และรู้จักกันทั่วโลก มีความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ยิ่งเป็นผลดีให้กับประชาชน”
วันนี้สิ่งที่สำคัญคือ ต้องใจกว้างๆ รัฐบาลในฐานะตัวแทนประชาชนก็มีสิทธิ์ที่จะปรึกษาหารือกับใครก็ได้ ข้อกล่าวหาที่ครอบงำต่างๆ เป็นข้อกล่าวหาที่ค่อนข้างใจแคบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลจะมีการไปยื่นร้องหลังจากนี้หรือไม่? นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า “กฎหมายไม่ได้ตีความขนาดนั้น วันนี้ปรึกษาหารือกับใครก็ได้”
‘อิ๊งค์’ มีสิทธิปรึกษาใครก็ได้ตามกฎหมาย
ส่วนกรณี แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และ รมว.วัฒนธรรม ขอขยายระยะเวลาชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีคลิปเสียงสนทนาสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า “ศาลรัฐธรรมนูญขยายระยะเวลาชี้แจงให้ถึงวันที่ 31 ก.ค. ขณะนี้กำลังเตรียมการอยู่ในการทำถ้อยแถลง”
ผู้สื่อข่าวถามว่า พยานหลักฐานที่นายกฯ ยื่นเพิ่มเติมต่อศาลรัฐธรรมนูญคืออะไร? พรหมินทร์ กล่าวว่า “ไม่ได้มีหลักฐานอะไรเพิ่ม เป็นเรื่องของขอชี้แจงตามความเป็นจริง รวมถึงเจตนาที่เป็นจริงว่า นายกฯ มีเจตนาที่บริสุทธิ์ในการคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งด้วยรูปแบบต่างๆ และแน่นอนที่สุดในฐานะที่เป็นผู้นำรัฐบาลก็มีการปรึกษาหารือกับกองทัพและหน่วยงานต่างๆ อย่างใกล้ชิด”
เชื่อว่าข้อเท็จจริงต่างๆ จะพิสูจน์ได้หลังจากนี้ชัดเจน และคนที่นายกฯ โทรหาก็ไม่ใช่ตัวแทนรัฐบาล แต่นายกฯ หาวิธีต่างๆ เพื่อให้ข้อขัดแย้งยุติได้ด้วยสันติวิธี รวมถึงการต่างประเทศเราก็ดำเนินการอย่างเข้มงวด ดังนั้นคิดว่า ทุกอย่างจะคลี่คลาย
เมื่อถามว่า จะมีการขอยืดเวลาอีกครั้งหรือไม่? นพ.พรหมินทร์ ย้ำว่า “กำลังเตรียมการ”