เพื่อรักษานิติรัฐ - นิติธรรม 'ดนุพร' ยัน ‘เขากระโดง’ ไม่มีการกลั่นแกล้ง

10 ส.ค. 2568 - 06:10

  • ‘เพื่อไทย’ ย้ำ รัฐบาลเดินหน้าสางปัญหาที่ดินเขากระโดงตามคำพิพากษาศาล

  • ยัน ไม่ใช่การกลั่นแกล้งทางการเมือง ชี้

เพื่อรักษานิติรัฐ - นิติธรรม  'ดนุพร' ยัน  ‘เขากระโดง’ ไม่มีการกลั่นแกล้ง

‘ดนุพร ปุณณกันต์’ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรค พท. แถลงถึงความพยายามสร้างกระแสให้เกิดความเข้าใจผิดเรื่องที่ดินเขากระโดงเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง และการดำเนินการของรัฐบาลสนใจใยดีกับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาล ภายใต้การนำของพรรค พท. ซึ่งปัญหานี้ได้ถูกหมักหมมเป็นเวลากว่า 20 ปี เพื่อรักษานิติรัฐ นิติธรรม และบังคับใช้กฎหมาย ไม่ต้องการให้ผู้มีอิทธิพลและเครือข่าย ใช้ความเดือดร้อนของประชาชนเป็นข้ออ้างในการหาผลประโยชน์โดยมิชอบและเรื่องที่ดินเขากระโดงจำนวน 5,083 ไร่ นั้นมีคำพิพากษาของศาลฎีกาเมื่อปี 2560 ซึ่งถือว่าเป็นที่สุด  

โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินของหลวงตามข้ออ้างอิงพบว่า ในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานที่ดินดังกล่าวให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย ต่อมาในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตการสร้างรถไฟ  ตั้งแต่นครราชสีมาถึงอุบลราชธานี รวมไปถึงเขตบริเวณเขากระโดง ที่อยู่ในจ.บุรีรัมย์ด้วย ซึ่งศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาว่า ที่ดินในบริเวณเขากระโดงนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทยตั้งแต่ต้น และถือว่าที่ดินนี้ คือ สมบัติของชาติ ไม่ใช่พื้นดินของใครคนใดคนหนึ่ง  

ฉะนั้น ไม่มีการกลั่นแกล้งทางการเมือง เพียงแต่พยายามใช้นิติรัฐ นิติธรรม และบังคับใช้กฎหมาย เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาออกมานั้น ในทางปฏิบัติการรถไฟแห่งประเทศไทย ยังไม่สามารถเข้าไปจัดการดูแลที่ดินซึ่งเป็นของตนเองได้ หลังจากนั้นได้มีการยื่นต่อศาลปกครองกลางในปี 2564 จนกระทั่งมีคำสั่งในปี 2566 ให้อธิบดีกรมที่ดินปฏิบัติตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนว่า การออกหนังสือสิทธิ์ในที่ดินนั้นคลาดเคลื่อน หรือไม่ชอบโดยกฎหมายหรือไม่ ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่ศาลมีคำสั่ง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของสมบัติประเทศไทย 

ดนุพร กล่าวด้วยว่า การที่ที่ดินของหลวง 5,083 ไร่หายไป เชื่อว่าเป็นสิ่งที่คนไทยรับไม่ได้ และเมื่อคุยกันบนพื้นฐานของข้อมูลจะเห็นว่า การดำเนินการของรัฐบาลนี้ ไม่ใช่การกลั่นแกล้งทางการเมือง แต่เป็นการพยายามบังคับใช้กฎหมาย ตามที่ศาลฎีกาพิพากษามาแล้ว ย้ำว่า การที่มีการปั่นกระแสในโลกโซเชียลว่า รัฐบาลจะดำเนินการทุบทำลายสิ่งปลูกสร้างต่างๆ อาคารต่าง ๆ รวมทั้ง บ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่นั้น รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่มีแนวคิดเช่นนั้น  

เชื่อว่าเวลานี้รัฐบาล กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย กำลังออกแบบแนวทางการแก้ไขปัญหา ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย สิ่งใดที่เอกชนดำเนินการไปแล้ว และสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ทำให้คนในพื้นที่เป็นอยู่ที่ดีขึ้น เรื่องนั้นไม่คิดที่จะไปทำลายทิ้ง แต่ต้องหาทางออกร่วมกัน ส่วนการจัดการจะเป็นอย่างไรก็ต้องดูกฎหมายเป็นตัวกำหนดด้วย  

“หวังว่าจะเป็นทางออกร่วมกันให้คนที่เคยใช้พื้นที่ สามารถใช้พื้นที่อยู่ได้ โดยเฉพาะประชาชน โดยไม่เสียประโยชน์จากการดำเนินการ พร้อมขอให้ประชาชนไปค้นหาข้อมูลว่า เรื่องนี้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว เพียงแต่รัฐบาลนี้ต้องการดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อนำที่ของรัฐกลับมาเป็นของประเทศชาติ และนำกลับมาใช้ประโยชน์ให้กับประชาชนต่อไปในอนาคต”

ดนุพร กล่าว 

ชวน ปชช.ติดตามถกงบวาระ 2 บอก เป็นเรื่องความเหมาะสมจำเป็น 

นอกจากนี้ยังแถลงกรณีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญในการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ พรรค พท.มุ่งมั่นจะจัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ซึ่งในชั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ มีตัวแทนจากทุกพรรคการเมืองเข้าร่วมพิจารณา ต่างถกถึงความจำเป็นในการจัดสรรไม่ว่าจะเป็นโครงการของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม หรือกระทรวงการต่างประเทศ ถึงความจำเป็นเหมาะสมในการจัดสรรงบประมาณ  

“จึงฝากไปถึงประชาชนให้รับทราบว่าจะมีการพิจารณา ซึ่ง สส.แต่ละคนจะอภิปรายตามที่สงวนคำแปรญัตติไว้ และขอให้เชื่อมั่นว่าเมื่องบประมาณเสร็จสิ้นแล้วจะเตรียมนำเม็ดเงินนี้ไปแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนให้กับประเทศชาติที่ได้ประเชิญปัญหา ทั้งปัญหาเศรษฐกิจหรือปัญหาต่างๆ ที่เชื่อว่าเม็ดเงินนี้จะเป็นประโยชน์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ”

ดนุพร กล่าว  

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์