DeepSPACE กองทัพย้ำแค้น‘ฮุน มาเนต’ ปักธงชาติยึด‘ภูมะเขือ’เบ็ดเสร็จ

26 ก.ค. 2568 - 12:30

  • ภูมะเขือคือความขายหน้า และความด่างพร้อยของฮุน มาเนต

  • สมรภูมิภูมะเขือเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ฝากรอยแค้นให้กับฮุน มาเนต

  • ธงชาติไทยบนยอดภูมะเขือ คือสัญลักษณ์ว่านี่คือแผ่นดินไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน

DeepSPACE  กองทัพย้ำแค้น‘ฮุน มาเนต’   ปักธงชาติยึด‘ภูมะเขือ’เบ็ดเสร็จ

DeepSPACE   ธงชาติไทยที่ปักลงบนยอดภูมะเขือคือสัญลักษณ์ที่บอกกับทุกคนว่านี่คือแผ่นดินไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน  และเป็นการตบหน้า ย้ำรอยแค้นให้กับ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และผู้สืบทอดอำนาจจากฮุน เซน ที่ต้องระทมทุกข์จากการพ่ายแพ้ที่ภูมะเขือถึง  2 ครั้งในชีวิต ติดตามใน Deep SPACE..ลึกกว่าที่รู้

การรบที่ภูมะเขือ  เมื่อ 14  ปี ก่อน  เป็นสงครามครั้งแรกของ ฮุน มาเนต  นายกรัฐมนตรีกัมพูชา  ลูกชายฮุน เซน

ตอนนั้นฮุน มาเนต  เพิ่งกลับมาหลังจากไปเรียนการทหารที่ ‘เวสต์พอยต์’   สหรัฐฯ โดยใช้โควตาของกองทัพไทยที่ ‘พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ’  จัดให้ และเรียนต่อปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย นิวยอร์ก และมหาวิทยาลัย บริสตอล ประเทศอังกฤษ

ฮุน เซน ปูทางให้ลูกสืบทอดอำนาจต่อ ด้วยการโปรโมทให้เป็นผู้บัญชาการกองพลน้อยที่ 70  มีหน้าที่ต่อต้านการก่อการร้าย และเป็นผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ผู้นำ

ต้นเดือนกุมภาพันธุ์  2554  ทหารไทยปะทะกับทหารกัมพูชาอย่างรุนแรงที่ภูมะเขือ  เมื่อทหารกัมพูชา ‘ล้ำแนว’ เข้ามา ทหารไทยเจรจาให้ถอยไป แต่ไม่เป็นผล จนเกิดการปะทะกันแบบประชิดตัว   หลังจากนั้นเกิดการสู้รบกันตลอดแนวชายแดนไทย กัมพูชา

ครั้งนั้น ฮุน เซนยังเป็นนายกรัฐมนตรี  เดินเกมการทูตเหมือนตอนนี้ คือขอให้คณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ เปิดประชุมฉุกเฉินเพื่อประณามไทย และส่งกองกำลังรักษาสันติภาพจากประเทศที่สามเข้ามาในพื้นที่  ‘แต่ไม่สำเร็จ’ เพราะไทยคัดค้าน และคณะมนตรีความมั่นคงไม่เปิดประชุม

การปะทะกันบนภูมะเขือครั้งนั้น  ทหารไทยเสียชีวิต5  ราย บาดเจ็บ 25 คน  ฝ่ายกัมพูชาไม่เปิดเผยความสูญเสีย แต่กองทัพไทยประเมินว่า ‘เป็นร้อยๆ กระทั่งถึงหลักพัน’  เพราะไทยยิงปืนใหญ่ขนาด155  มม. ใส่แบบไม่ยั้ง

ศึกภูมะเขือ ปี 2554  ที่ฮุน มาเนต บัญชาการรบด้วยตัวเอง  เป็นการ ‘เปิดตัวครั้งแรก’ ด้วยความพ่ายแพ้ ที่สร้างความ ‘แค้นฝังใจ’  ให้กับเจ้าตัวมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะครั้งนั้นทหารกัมพูชา ตายเป็นเบือ บนภูมะเขือ

ภูมะเขือ อยู่ในพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตาราง กิโลเมตร ใกล้กับปราสาทพระวิหาร  ที่อำเภอกันทราลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ  ไทยและกัมพูชาซึ่งถือแผนที่คนละฉบับ ต่างอ้างสิทธิในพื้นที่ตรงนี้

ในทางยุทธวิธีภูมะเขือเป็นพื้นที่ ‘สูงข่ม’  ถ้ารบกัน คนที่อยู่ข้างบน ได้เปรียบคนข้างล่าง

หลังศึกภูมะเขือ 2554  กัมพูชายังมีทหารอยู่ในพื้นที่  ตั้งประจันหน้ากับทหารไทย และได้สร้าง‘กระเช้าบันได’   ขนอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ขนทหาร ขึ้นมาสร้างฐานทัพ   โดนที่ฝ่ายไทยทั้งรัฐบาลและกองทัพไม่ได้ทำอะไร นอกไปจากการยื่นประท้วงกัมพูชา ซึ่งไม่มีผลอะไร

กัมพูชายังคงขยายสิ่งก่อสร้างพื้นฐานทางหารทหารไปเรื่อยๆ จนเป็นที่มาของเสียงตำหนิว่า  ‘ทำไมทหารจึงปล่อยปละละเลย’ ให้กัมพูชาละเมิด เอ็มโอยู 2554

ฝ่ายทหารนั้นต้องเดินตามฝ่ายการเมือง ยึดถือว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ยังเป็นพื้นที่ทับซ้อนที่มีข้อพิพาทอยู่   ‘ไม่ใช่แผ่นดินไทย’  จึงไม่สามารถใช้กำลังขับไล่กัมพูชาออกไปได้ 

แต่ศึกภูมะเขือครั้งนี้ เกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร อ่อนแอที่สุด   ไม่มีนายกรัฐมนตรี  ไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ทักษิณ ชินวัตรกับฮุน เซนที่เคยสนิทสนมกัน  กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาต

รัฐบาลที่อ่อนแอ ที่ต้องเผชิญกับศัตรูภายนอก ไม่มีทางเลือก นอกจากมอบอำนาจให้กองทัพเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาสถานการณ์ชายแดน

ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ  มอบอำนาจให้กองทัพบก ตัดสินใจเปิด-ปิดชายแดน 

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ‘พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์’  มอบอำนาจให้   ‘พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี’ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตั้งศูนย์บัญชาการทางการทหาร( ศบท.) มีอำนาจสั่งการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

เป็นที่มาของปฏิบัติการ  ‘ยุทธบดินทร์’   หรือ ยุทธการแห่งการปกป้องแผ่นดินอย่างถึงที่สุด  ด้วยการตอบโต้ศัตรู ที่บังอาจล่วงล้ำอธิปไตยไทย ด้วยยุทธวิธีที่เฉียบขาด และชอบธรรม

ธงชาติไทยที่โบกสะบัดเหนือยอดภูมะเขือเช้าวันที่ 26 กรกฎาคม 2568  คือ‘การประกาศว่าภูมะเขือเป็นแผ่นดินของไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน’    ทหารกัมพูชาไม่มีสิทธิอยู่บนภูมะเขือ  กระเช้าขนอาวุธ บันไดขนทหาร ต้องถูกทำลายให้หมดสิ้น  เพื่อป้องกันไม่ให้กัมพูชา สร้างปัญหาชายแดนอีกต่อไป 

สำหรับฮุน มาเนต ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ครบ 2 ปี ในวันที่ 22  สิงหาคมนี้ การสูญเสียพื้นที่ภูมะเขือให้กับไทย ทำให้เขากลายเป็นผู้นำที่แพ้สงครามที่ตัวเองกับพ่อร่วมกันก่อขึ้นอีกครั้ง เป็นการซ้ำรอยแค้นเดิมที่กองทัพไทยเคยฝากไว้ เมื่อ 14 ปีที่แล้ว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์