พิพัฒน์ รัชกิจประการ ว่าที่ รมว.คมนาคม กล่าวถึงแนวโน้มที่จะได้รับตำแหน่ง รมว.คมนาคม ว่า “เท่าที่ดูก็ค่อนข้างที่จะชัดเจนแล้ว ซึ่งในส่วนนโยบายการทำงานต้องคุยกับนายกรัฐมนตรีก่อน ว่ามีนโยบายอะไรที่เป็นเรื่องเร่งด่วน แต่อะไรที่เป็นข้อกังขาระหว่างกระทรวงคมนาคมกับกระทรวงมหาดไทย”
โดยเฉพาะเรื่องที่ดินเขากระโดง เราน่าหยิบมาเป็นประเด็นแรกๆ เพื่อสร้างความกระจ่างให้กับคนไทยทั้งประเทศให้ทราบว่าสรุปแล้วทั้งสองกระทรวงจะดำเนินการอย่างไร ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยกับกรมที่ดินจะเดินไปอย่างไร จะมีการหารือหรือไประดับศาลหรือไม่ ผมคิดว่าดีที่สุดคือให้การรถไฟฯ กระทำในสิ่งที่ตัวเองสามารถทำได้
เมื่อถามว่า ตั้งกรอบระยะเวลาเท่าไหร่ที่จะให้การรถไฟฯ เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง? พิพัฒน์ กล่าวว่า “อันนี้จะเป็นภารกิจแรกหลังจากที่ผมเข้านั่งในกระทรวง ก็จะต้องหารือกับ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี อีกครั้ง เพราะนายกฯ จะนั่งควบ รมว.มหาดไทยด้วย สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะทำให้คนไทยสบายใจว่าเรื่องดินเขากระโดงสรุปแล้วจะเป็นอย่างไร”
นี่เป็นสิ่งที่เราต้องทำสิ่งที่คาใจให้หายคาใจให้ได้ แม้ทั้งสองกระทรวงพรรคภูมิใจไทยจะได้รับหน้าที่ทั้งสองกระทรวง แต่มันไม่เกี่ยวกัน เพราะเป็นเรื่องที่ดินที่เป็นของชาติ เราต้องทำให้ประจักษ์ว่าที่ดินที่ได้มาทั้ง 900 กว่าราย ควรจะต้องทำอย่างให้มันกระจ่าง ถ้าหากการรถไฟฯ สามารถฟ้องเป็นรายแปลงได้เราจะรีบดำเนินการทันที เราตั้งธงไว้ว่าเราต้องรีบดำเนินการ
เมื่อถามว่า ระยะเวลา 4 เดือนของรัฐบาล จะเพียงพอที่ทำให้เกิดความกระจ่างหรือไม่? พิพัฒน์ ตอบว่า 4 “เดือนนั้นผมไม่แน่ใจในเรื่องนำเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย จะเสร็จหรือไม่เสร็จ แต่ใน 4 เดือนนี้ ผมจะให้การรถไฟฯ เริ่มดำเนินการทันที”
ถามต่อว่า กังวลหรือไม่อาจจะเป็นดาบสองคม ถ้าดีก็ดีไปเลย ถ้าไม่ดีอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์? พิพัฒน์ ตอบว่า “ผมคิดว่าอะไรก็แล้วแต่ที่เราทำให้กระจ่างมันก็เป็นเรื่องของทางกฎหมายจะดำเนินการต่อ แต่ต้องบอกว่าไม่ใช่มวยล้มต้มคนดูแน่นอน สิ่งต่างๆ เหล่านี้คนไทยต้องได้รับความกระจ่าง”