‘สภาฯ’ แตะเบรก ‘ร่าง กม.อากาศสะอาด’

25 ก.ย. 2568 - 08:18

  • เจอปัญหาองค์ประชุม! ‘สภาฯ’ แตะเบรก ‘ร่าง กม.อากาศสะอาด’ ด้าน ‘พท.’ ชงให้ถกเคส ‘ถนนทรุด’ หวังเสนอแนะทางออกให้ ‘นายกฯ อนุทิน’ ไปสางปัญหาให้คนกรุงฯ

‘สภาฯ’ แตะเบรก ‘ร่าง กม.อากาศสะอาด’

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี ไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญ ซึ่งมี จักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เป็นประธานกมธ.พิจารณาแล้วเสร็จ โดยใช้เวลาทำเนื้อหาสาระนานกว่า 1 ปี 8 เดือน ก่อนเสนอให้สภาฯ พิจารณาวาระสอง และวาระสาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับร่างพ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดนั้น กมธ.มีการแก้ไขเพิ่มเติมและเพิ่มบางมาตราขึ้นใหม่ ทำให้มีเนื้อหาเกือบ 300 มาตรา ทำให้ไชยา แจ้งกับที่ประชุมก่อนเริ่มวาระพิจารณาว่า เนื้อหาสาระมีผู้ขออภิปรายน้อย แต่ต้องใช้การลงมติเกือบทุกมาตรา

สำหรับบรรยากาศของการประชุม ต้องใช้เวลารอองค์ประชุมนานกว่า 5 นาที ตั้งแต่มาตราแรก จนถึงมาตรา 15 พบว่า มีผู้แสดงตนเป็นองค์ประชุมเกินกึ่งหนึ่งมาเพียง 6-7  เสียงเท่านั้น และเมื่อที่ประชุมได้พิจารณามาถึงมาตรา 16 พบว่า บรรยากาศการประชุมเรื่องตึงเครียด เนื่องจากต้องใช้เวลารอองค์ประชุมนานเกือบ 10 นาที และเลยเวลา 12.00 น. ทำให้ นพ.ภูมินทร์ ลีกิจธีรประเสริฐ สส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย หารือว่า ขอให้พักการประชุมเพื่อให้ไปรับประทานอาหารกลางวัน แต่หากที่ประชุมไม่พักตนจะขอพักเอง

ทั้งนี้ กรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลุกอภิปรายว่า ไม่ขัดข้องที่จะพักการประชุม เพราะเห็นใจ สส. แต่ชักเหลืออด ในห้องประชุม สส.พรรคภูมิใจไทย สส.พรรคประชาชน นั่งครบ แต่พรรคไหนหายไป ขอไม่พูด หากพักทานข้าวขอให้แจ้งสส.ทุกพรรคกลับมาเป็นองค์ประชุม มาร่วมทำกฎหมายที่ ครม. ชุดที่แล้วเสนอและคนที่นำไปหาเสียงไม่ใช่พรรคภูมิใจไทย แต่พรรคภูมิใจไทยต้องมาแบก ตั้งแต่เมื่อวานนี้

“หากทำแบบนี้ 50-60 คน ผมพร้อมถอนฟืนจากไฟ หากอะไรจะเกิดก็เกิด ในห้องประชุม กมธ.ที่นั่งอยู่เห็นแบบเดียวกัน แต่ประชาชนมองไม่เห็นว่า ใครที่หายไป ดังนั้นหากอยู่ในสภาพนี้ ขอให้ถอนออกไป หากกมธ.ตามพรรคพวกไม่ได้ ขอให้ถอน พร้อมเมื่อไรกลับมา สภาเหลือเวลาไม่มาก จะได้ใช้เวลาพิจารณากฎหมายฉบับอื่นที่ สส.เห็นความสำคัญมากกว่านี้”

กรวีร์ อภิปราย

ขณะที่ สส.พรรคเพื่อไทยลุกขึ้นชี้แจงว่า สส.พรรคเพื่อไทยเห็นความสำคัญกับร่างกฎหมายดังกล่าว และสส.พร้อมอยู่ในห้องประชุม หากไม่พักประชุมต้องให้ สส.หลบกันไป ทำให้ไชยา กล่าวว่า ขอให้แสดงตนก่อน และจะพิจารณาว่า จะให้พักหรือไม่ ทั้งนี้ พบว่า ต้องใช้เวลารอการแสดงตนเกือบ 10 นาที 

ทำให้ ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒนสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ฐานะวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า กฎหมายนี้ยอมรับลงมติต่อเนื่องเยอะที่สุด ตั้งแต่มีสภาฯ มา ไม่มีปัญหาพักประชุม แต่ไม่มั่นใจว่าพักแล้วจะไม่หนี  ดังนั้น ขอว่า หากองค์ประชุมไม่ครบ ให้แจ้งและปิดประชุมจะได้รู้ว่าหายไปกี่คน

ทั้งนี้ เมื่อปิดการแสดงตน พบว่า มี สส.มาแสดงตนเป็นองค์ประชุม 253 คน เกินองค์ประชุมที่ต้องใช้ 246 เสียง มาเพียง7 เสียงเท่านั้น จากนั้นได้ลงมติผ่านมาตรา 16 ก่อนจะพักประชุมไป 40 นาที

ต่อมาเมื่อกลับมาประชุมอีกครั้ง อดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อว่า พรรคเพื่อไทย ปรึกษากับที่ประชุมว่า ขอให้พักการพิจารณาร่างพ.ร.บ.บริหารจัดการอากาศสะอาดออกไปก่อน และเลื่อนไปประชุมสัปดาห์หน้า เพื่อให้สภาฯ หารือต่อปัญหาเฉพาะหน้า คือ ถนนสามเสน ช่วงหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลทรุดเป็นหลุมลึก เพราะทำให้ประชาชนขวัญผวาและเป็นโอกาสที่สภาฯ จะหารือเสนอแนะให้ อนุทิน ชายวีรกูล นายกฯ และรมว.มหาดไทย ได้พิจารณาสิ่งที่เป็นประโยชน์คนกทม. รวมถึงขวัญกำลังใจความมั่นคงของวิศวกรรมของประเทศไทยในการสร้างรถไฟ

อย่างไรก็ตาม สส.พรรคประชาชนเห็นแย้งและขอให้เดินหน้าต่อ โดย ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์  สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ปัญหาไม่ใช่อยู่ที่ว่า อากาศสะอาด หรือถนนทรุด อะไรสำคัญกว่ากัน แต่คือ พรรคเพื่อไทยไม่สามารถให้คนมาร่วมประชุมได้ ซึ่งตั้งแต่ช่วงเช้า จับเวลาพบว่า แม้ไม่มีการอภิปราย แต่ต้องใช้เวลารอองค์ประชุม 3-8 นาที ดังนั้นเมื่อคิดเวลา 300 มาตรา ทำให้ต้องเสียเวลา ถึง 15 ชั่วโมง เพื่อรอพรรคเพื่อไทยเป็นองค์ประชุม

ทำให้ วิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โต้แย้งว่า สส.พรรคเพื่อไทย พยายามเป็นองค์ประชุม ให้ความร่วมมือ อยากให้กฎหมายผ่าน และมีอีกหลายฉบับที่รอเข้าสู่วาระของสภาฯ แต่ไม่อยากให้กล่าวหากัน เพราะไม่ถูกต้อง เพราะฐานะฝ่ายค้านได้รับผิดชอบต่อองค์ประชุม ไม่เหมือนบางพรรคที่ประกาศว่า อยู่อย่างไร้ตัวตนก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ดี ก่อนที่ประชุมจะโต้แย้งกันนานกว่านี้ ไชยาวินิจฉัยว่า ขอให้ที่ประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ. จนถึงส่วนที่ 3 ไปพอสมควร ก่อนจะเลื่อนการพิจารณาไปสัปดาห์ถัดไป เพื่อให้สภาฯ พิจารณาถึงประเด็นถนนทรุด ทำให้จักรพลชี้แจงว่า ขอความร่วมมือสภาฯ พิจารณาเนื้อหา ซึ่งร่างกฎหมายนี้ทำมา 1 ปี 8 เดือน ผลักดันมานาน ยอมรับว่า เมื่อมีร่างกฎหมายเสนอมา 7 ฉบับต้องพิจารณาให้รอบคอบและมีมาตรากว่า 278 มาตรา ดังนั้น ขอความร่วมมือให้ผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หากจะเลื่อนออกไปเป็นการประชุมครั้งถัดไป ไม่ขัดข้อง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์