‘ภูมิใจไทย’ โหวตรับร่างแก้ รธน.ทั้ง 3 ร่าง!

26 ก.ย. 2568 - 03:35

  • ‘ภราดร’ เผย ‘ภูมิใจไทย’ โหวตรับร่างแก้รัฐธรรมนูญทั้ง 3 ร่าง

  • เปิดแผนเร่งใช้ ‘งบฯ ปี 68’ ดันโครงการคนละครึ่งเกือบ 5 หมื่นล้าน

  • หนุนเยียวยาชายแดนไทย-กัมพูชา และช่วยเหลือเกษตรกร

‘ภูมิใจไทย’ โหวตรับร่างแก้ รธน.ทั้ง 3 ร่าง!

ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการแก้รัฐธรรมนูญ ว่า “เมื่อวันที่ 25 ก.ย. มีการพูดคุยกันของวิป 3 ฝ่าย ซึ่งเห็นตรงกันแล้วว่า จะมีการนำร่างเข้าสู่พิจารณาของสภาในวันที่ 14-15 ต.ค. โดยทั้ง 3 ร่าง พรรคภูมิใจไทยจะโหวตเห็นชอบทั้ง 3 ร่าง ส่วนท่าทีของ ส.ว. นั้น เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ได้มีการพูดคุยในวิป 3 ฝ่าย ทางตัวแทน สว.ระบุว่า จะไปหารือกับเพื่อน สว.”

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีสัญญาณที่ดีใช่หรือไม่ ที่ สว.จะโหวตให้? ภราดร กล่าวว่า “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”

เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยถึงรูปแบบสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หรือไม่? ภราดร กล่าวว่า “ขณะนี้ที่มา ส.ส.ร. (สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ) มี 3 รูปแบบ เป็นแบบของพรรคภูมิใจไทย, พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน”

ในกรณีที่ประชุมสภาฯ รับทั้ง 3 ร่าง ทางคณะกรรมาธิการวิสามัญสามารถผสมกันทั้ง 3 ร่าง แล้วออกมาเป็นร่างของคณะกรรมาธิการได้ โดยจะต้องไปหารือกัน รวมถึงข้อกังวลเรื่องการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ไม่ว่าจะโดยตรงหรือทางอ้อม ว่าจะขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและนำไปสู่การตีความของคนที่ไม่ประสงค์แก้รัฐธรรมนูญหรือไม่

เปิดแผนเร่งใช้ ‘งบฯ 68’

พร้อมกันนี้ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงบประมาณ ภราดรเปิดเผยด้วยว่า “ขณะนี้ได้มีการพูดคุยกับ อนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ รวมถึงได้ปรึกษากับ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ถึงการใช้งบประมาณปี 2568 ที่จะสิ้นสุดปีงบประมาณในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ว่ามีงบประมาณเหลืออยู่ 6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงบกลางสำรองฉุกเฉิน”

และอีกส่วนจะนำไปใช้ในโครงการคนละครึ่งเฟสแรก โดยจะให้กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อน ประมาณ 13 ล้านคน วงเงินประมาณ 2.2 หมื่นกว่าล้านบาท โดยจะให้เพิ่มเติมจากเดือนละ 300 บาท เพิ่มเป็น 2,000 บาท นอกจากนี้จะเป็นกลุ่มบุคคลทั่วไป รวมไปถึงจะใช้งบประมาณในปี 2569 มาเพิ่มเติม ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท

ส่วนอื่นจะเป็นของหน่วยงานที่ขอเข้ามา อาทิ หน่วยงานทหารในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ประมาณ 500-700 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีงบประมาณรายจ่ายประจำ ที่ตั้งไว้อย่างเงินเดือนข้าราชการประมาณ 3,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังเป็นงบประมาณในส่วนที่อนุมัติโครงการไปแล้วแต่ยังไม่ดำเนินการ ก็จะนำงบดังกล่าวมาใช้ เพื่อเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีในส่วนที่ค้างท่ออยู่ประมาณ 1,580 ล้านบาท

ทั้งนี้ น่าจะเหลือเงินงบประมาณปี 68 ที่ยังค้างท่อประมาณ 3.5 หมื่นล้าน โดยจะนำไปใช้หนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่รัฐบาลเก่าก่อหนี้ไว้ รวมถึงโครงการพักหนี้เกษตรกร

ผู้สื่อข่าวถามว่า “โครงการคนละครึ่ง” เฟสแรก จะเริ่มในช่วงใด? ภราดร กล่าวว่า “คาดว่าในช่วงต้นเดือน ต.ค. น่าจะได้เริ่มโครงการแล้ว เนื่องจากขณะนี้กระทรวงการคลังกำลังเร่งดำเนินการพูดคุยกับ ครม. คาดว่าจะดำเนินโครงการทั้งสิ้นจำนวน 20 ล้านสิทธิ์ ส่วนใครที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 5 ก็จะต้องลงทะเบียนใหม่ โดยต้องถามรายละเอียดจากกระทรวงการคลังอีกครั้ง”

Paradon-says-bhumjaithai-supports-three-charter-amendment-bills-SPACEBAR-Photo02.jpg

โชว์พกพระเข้าทำเนียบฯ วันแรก ด้าน ‘สมศักดิ์’ อุ้ม ‘พระพุทธสิริไตรรัฐ’ เข้าห้องทำงานลูก

ส่วนช่วงเวลาประมาณ 08.50 น. ภายหลังจากที่ ภราดร สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาลเสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า “พกเครื่องรางสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรเข้าทำเนียบฯ วันแรกหรือไม่?” เจ้าตัวจึงหยิบพระที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อออกมา และเปิดเผยว่า “เป็นพระของสมเด็จธงชัย ที่ อนุทิน มอบให้เมื่อวันคล้ายวันเกิด” ก่อนจะเก็บพระเข้ากระเป๋าเสื้อและยิ้ม

จากนั้นเวลา 09.18 น. สมศักดิ์ และ รวีวรรณ ปริศนานันทกุล บิดาและมารดาของภราดร ได้เดินทางมาที่ตึกบัญชาการ 1 โดยอุ้มพระพุทธสิริไตรรัฐ ปางประทานพร มาด้วย โดยสมศักดิ์ ระบุว่า “เป็นพระที่ อนุทิน มอบให้ภราดร ในช่วงดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะนำมาไว้ที่ห้องทำงานบนตึกบัญชาการ”

Paradon-says-bhumjaithai-supports-three-charter-amendment-bills-SPACEBAR-Photo01.jpg

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์