สรุปประเด็น ค้าน ‘กม.ประมง’ ปมเปิดช่องใช้อวนตาถี่ หวั่นทำลายระบบนิเวศน์ทะเลไทย

หลัง ร่าง พ.ร.บ.ประมงใหม่ ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ที่ผ่าน โดยมีจำนวนผู้ลงมติ 368 เสียง เห็นด้วย 366 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง งดออกเสียง 0 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 2 เสียง ซึ่งลำดับถัดไป สภาฯ จะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวไปให้วุฒิสภาพิจารณาในลำดับถัดไป 

ประเด็นดังกล่าว ได้สร้างความกังวลให้กับ ชาวประมงพื้นบ้าน นักอนุรักษ์ และภาคประชาชน โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไข มาตรา 69 ที่มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการควบคุม และจัดการเรือประมงที่มีการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) 

โดยใจความสำคัญของ มาตรา 69 เดิมใน พ.ร.ก ประมง พ.ศ.2558 ระบุว่า ห้ามใช้อวนล้อมจับด้วยตาข่ายที่มีขนาด 2.5 เซนติเมตร ในเวลากลางคืน 

แต่ร่างกฎหมายฉบับใหม่ที่มีการแก้ไข มาตรา 69 อนุญาตให้ใช้อวนตาถี่เล็กกว่า 2.5 เซนติเมตร ล้อมจับสัตว์น้ำในตอนกลางคืนในระยะมากกว่า 12 ไมล์ทะเลได้ 

ทำให้ สมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้าน แห่งประเทศไทย เครือข่ายคนอนุรักษ์ และภาคประชาชน ออกมาแสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก เพื่อแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย และชี้ให้เห็นถึงผลประทบที่จะตามมา โดยเฉพาะเรื่อง การล่มสลายของระบบนิเวศชายฝั่งของไทย อย่างใหญ่หลวง ที่คนไทยทุกคนจะได้รับผลกระทบ เพราะสัตว์ทะเลขนาดเล็กจะถูกจับเรียบ และในอนาคตทะเลไทยอาจไม่มีปลาใหญ่กิน ขณะเดียวกันประมงพื้นบ้านเองก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย เพราะไม่มีปลาเข้ามาในเขตพื้นที่ชายฝั่ง ซ้ำยังเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนมากกว่า 

นอกจากนี้ กลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าว ยังเข้าไปแสดงความเห็นตำหนิ และเรียกร้องให้ทบทวนร่างกฎหมายดังกล่าวใต้โพสต์ของ พรรคเพื่อไทย และ พรรคประชาชน ที่โพสต์ข้อความแสดงความยินดี ที่ร่างกฎหมายแก้ไข พ.ร.บ.ประมง ผ่านความเห็นชอบในสภาฯ โดย ทั้ง 2 พรรค มีเนื้อหาที่พูดถึงการดีใจที่แก้กฎหมายยุค คสช. สำเร็จ

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กหลายคน แสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า รู้สึกผิดหวัง และมองว่าพรรคการเมืองไม่คำนึงถึงระบบนิเวศน์ทะเล และทรัพยากรธรรชาติที่กำลังเสี่ยงจะวิกฤติจากกฎหมายดังกล่าว เช่น เพจ คนอนุรักษ์ ที่เข้าไปแสดงความเห็นในเพจพรรคประชาชนว่า

ทั้งนี้ ต้องติดตามต่อไปว่า วุฒิสภา จะมีความเห็นเกี่ยวกับร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างไร จะมีการทบทวนร่างกฎหมายฉบับนี้หรือไม่ รวมถึงกลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วยจะมีการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวคัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างไรต่อ