การพิพาทเรื่องที่ดินในประเทศไทยได้เผยให้เห็นถึงความล้มเหลวในการเรียนรู้จากอดีต เมื่อคดีเขากระโดงที่เป็นการละเมิดที่ดินของรัฐอย่างชัดเจน ยังคงสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างเดียวกับ ส.ป.ก. 4-01 ที่มีมายาวนาน
รากเหง้าของปัญหาที่ดินรัฐ
ระบบ ส.ป.ก. 4-01 เกิดขึ้นจากความจำเป็นเชิงสังคมหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เมื่อเกษตรกรเรียกร้องสิทธิในที่ดิน รัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 เพื่อแก้ไขปัญหาการกระจุกตัวของที่ดินและช่วยเหลือเกษตรกรไม่มีที่ดินทำกิน
การออกแบบนโยบายจัดสรรที่ดินทำกิน ส.ป.ก. 4-01 มีเป้าหมายชัดเจน คือ การให้ที่ดินกับเกษตรกรที่แท้จริงเพื่อการเกษตรกรรมเท่านั้น โดยกำหนดเงื่อนไขเข้มงวด เช่น ห้ามขาย ห้ามให้เช่า และต้องใช้เพื่อการเกษตรเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติ การบังคับใช้กฎหมายไม่เข้มแข็งพอ
ปัจจุบัน ส.ป.ก. 4-01 ครอบคลุมพื้นที่กว่า 22 ล้านไร่ทั่วประเทศ มีเกษตรกรได้รับสิทธิ์จำนวน 1,628,520 ราย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงขนาดและความสำคัญของระบบนี้ต่อการเกษตรไทย
คดีเขากระโดง: การละเมิดที่ดินรัฐโดยตรง
เขากระโดงในจังหวัดบุรีรัมย์เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการละเมิดที่ดินของรัฐ พื้นที่นี้ถูกเวนคืนโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2462 เพื่อสร้างทางรถไฟสายอีสานตอนล่าง แต่กลับมีบุคคลบางกลุ่มเข้าไปครอบครองและออกเอกสารสิทธิ์ได้
ข้อพิพาทที่ซับซ้อนเกิดขึ้นเมื่อตระกูลชิดชอบและเจียรพันธุ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับที่ดินดังกล่าว โดย นายชัย ชิดชอบ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เข้าทำข้อตกลงกับ นายยุกต์ เจียรพันธุ์ เพื่อได้สิทธิ์อาศัยในที่ดิน แต่ต่อมาได้นำไปขอออกโฉนดและขายต่อให้บริษัทของตระกูล
ปัญหาสำคัญที่เชื่อมโยงระหว่างกรณี ส.ป.ก. 4-01 และเขากระโดงคือระบบนอมินี หรือการสวมสิทธิ์ ในกรณี ส.ป.ก. 4-01 มีความกังวลว่าบุคคลที่มีฐานะดีจะใช้เกษตรกรเป็นตัวหน้าในการถือครองที่ดิน ขณะที่ในกรณีเขากระโดง มีการใช้ช่องว่างทางกฎหมายในการครอบครองที่ดินของรัฐ
การกำหนดคุณสมบัติของเกษตรกรใน ส.ป.ก. 4-01 กว้างเกินไป เช่น การกำหนดทรัพย์สินไว้ที่ 10 ล้านบาท หากประสงค์จะมาทำการเกษตรก็มีคุณสมบัติได้ เป็นจุดที่เปิดช่องให้มีการใช้ระบบนอมินี
การเปลี่ยนแปลงและความกังวลใหม่
นโยบายใหม่ของรัฐที่อนุญาตให้เปลี่ยน ส.ป.ก. 4-01 เป็นโฉนดตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2567 เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ แต่ก็มีข้อกังวลว่าจะเป็นการเปิดช่องให้มีการเก็งกำไรที่ดินมากขึ้น แม้จะมีเงื่อนไขห้ามขายภายใน 5 ปี
ระบบธนาคารที่ดินที่จะจัดตั้งขึ้นเพื่อควบคุมการซื้อขายในช่วงเปลี่ยนผ่านยังมีรายละเอียดที่ไม่ชัดเจน ทำให้เกิดคำถามว่าจะสามารถป้องกันการใช้ประโยชน์โดยมิชอบได้หรือไม่
คำพิพากษาศาลและบทเรียน
คำพิพากษาศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ในคดีเขากระโดงได้วินิจฉัยอย่างชัดเจนว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามพระราชกฤษฎีกาปี พ.ศ. 2462 แต่การบังคับตามคำพิพากษายังคงมีอุปสรรค
คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอในระบบบริหารจัดการที่ดินของรัฐ ที่แม้จะมีกฎหมายและคำพิพากษาศาลที่ชัดเจน แต่ยังมีบุคคลสามารถใช้อิทธิพลและช่องว่างทางกฎหมายในการครอบครองที่ดินของรัฐได้
การที่คดีเขากระโดงยืดเยื้อมากว่า 40 ปี แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของระบบยุติธรรมและการบริหารราชการในการแก้ไขปัญหาที่ดินอย่างเด็ดขาด
หากไม่สามารถเรียนรู้จากบทเรียนของ ส.ป.ก. และเขากระโดง ระบบการจัดการที่ดินของไทยจะพัฒนาไปในทิศทางใดต่อไป และใครคือผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงจากการปฏิรูปที่ดินในอนาคต?