ประธาน กกต.ยัน เรียก ‘สว.’ ชี้แจง เป็นไปตามกฎหมาย

10 พ.ค. 2568 - 06:40

  • ‘ประธาน กกต.’ ยืนยัน เรียก ‘สว.’ มาชี้แจงเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ล่าช้า เหตุได้ DSI มาร่วม ทำให้มีหลักฐานชัด

  • ย้ำ กระบวนการตัดสินความผิดอยู่ที่ศาล ไม่ปฏิเสธ มีเรียก สว.ล็อตสอง

อิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่มีหมายเชิญสมาชิกวุฒิสภามาชี้แจงเรื่องการฮั้วเลือก สว.ว่า เป็นเอกสารแจ้งข้อกล่าวหา เป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต. ที่ กกต.ตั้งขึ้นเป็นพิเศษคือคณะที่ 26 ที่มี ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. เป็นประธาน และขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ดีเอสไอมาช่วยด้วย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และเมื่อตรวจสอบพยานหลักฐานเบื้องต้นแล้วพบว่า สามารถนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหาได้ จึงได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาด้วยการทำหนังสือนัดหมาย กำหนดเวลา ให้บุคคล 53 คนตามข่าว ให้มารับทราบข้อกล่าวหาและให้โอกาสชี้แจง แสดงหลักฐานของตัวเอง ซึ่งการแจ้งให้มาชี้แจง สามารถทำได้ 3 ช่องทาง คือ ยื่นหนังสือทางไปรษณีย์ คณะกรรมการฯ ไปยื่นด้วยตัวเองและติดหมายเรียกไว้หน้าบ้านกรณีไม่พบเจ้าตัว ซึ่ง สว.ที่ได้รับหมายเรียกต้องเข้าไปชี้แจงกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคณะที่ 26 ที่สำนักงาน กกต.

 

สำหรับกรอบระยะเวลาการพิจารณาหลังจาก สว.เข้ามาชี้แจงแล้ว อิทธิพร กล่าวว่า  กรอบเวลาของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ มีเวลา 90 วัน แต่สามารถขยายได้ หากเกี่ยวข้องกับบุคคลหลายบุคคล และเมื่อผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาชี้แจงแล้วก็จะมีการประมวล พิจารณาวินิจฉัยและเสนอความเห็นไปยังเลขาธิการ กกต.ซึ่งกรอบเวลาของเลขาฯ มีเวลาพิจารณาอีก 60 วัน  

 

จากนั้น จึงจะเข้าสู่ที่ประชุม กกต. โดยผ่านการพิจารณาของอนุกรรมการวินิจฉัยพิจารณากลั่นกรอง เพื่อเสนอความเห็นให้ กกต.ตัดสิน และถ้าหากที่ประชุม กกต.เห็นว่าไม่จำเป็นต้องสอบเพิ่มเติม เนื่องจากข้อมูลหลักฐานไม่เพียงพอก็ยุติเรื่อง แต่หากพบว่า มีความผิดจริงก็ส่งศาลฎีกา  แผนกคดีเลือกตั้ง และเข้าสู่กระบวนการของศาลต่อไป ซึ่งถ้าศาลรับคำร้องไว้ก็จะส่งผลให้สมาชิกวุฒิสภาต้องยุติปฎิบัติหน้าที่ 

 

เมื่อถามถึงกรอบระยะเวลาการพิจารณาคำร้องที่ต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 1 ปีนั้น อิทธิพร กล่าวว่า กรอบ 1 ปีเป็นการกำหนดเอาไว้เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่กระทบกับการสืบสวนไต่สวนใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งสามารถยืดหยุ่นและขยายเวลาได้ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานก็ไม่อยากล่าช้า เพราะถ้าช้า ต้องมีเหตุผล ทั้งนี้ หากมีสมาชิกวุฒิสภาต้องออกจากหน้าที่จะต้องมีการเลือก  สว.ใหม่ขึ้นมาทดแทนหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับจำนวน ต้องรอดูความชัดเจนอีกที 

 

ส่วนจะมีการเรียก สว.มาชี้แจงเพิ่มจากที่เรียกไปรอบแรก 53 คนหรือไม่ อิทธิพร กล่าวว่าเมื่อคำร้องเข้าสู่กระบวนการ ก็ต้องให้แต่ละส่วน มีอำนาจหน้าที่อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นจะมีอีกหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับหลักฐานที่คณะกรรมการฯชุดที่ 26 เป็นผู้พิจารณา การจะให้ข่าวออกไปตอนนี้คงไม่เหมาะสม 

 

เมื่อถามย้ำว่าในหมายเรียกระบุชัดเจนว่า  สว.มีความผิดชัดเจนเรื่องฮั้ว  อิทธิพร กล่าวว่า ไม่ใช่ว่ามีความผิด แต่มีพฤติการณ์ที่อาจจะเป็นการฝ่าฝืน จะวินิจฉัยว่า ผิดเลยไม่ได้ เพราะหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และพยานบุคคลที่มี ทำให้เราเชื่อ แต่การตัดสินว่าใครผิดหรือไม่ผิดเป็นหน้าที่ศาล 

 

สำหรับการวินิจฉัยของอนุกรรมการฯ ก่อนเสนอ กกต.สามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ อิทธิพร กล่าวว่า ไม่ได้เปลี่ยน แต่สามารถแสดงความเห็นได้ว่าเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย หรือมีจุดไหนที่ต้องการข้อมูลที่ชัดเจนกว่านี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและใช้ดุลพินิจได้อย่างชัดเจนที่สุด   ไม่เช่นนั้นจะเกิดความลักลั่น เพราะข้อเท็จจริงยังไม่ชัด

 

เมื่อถามว่า ทำไมดีเอสไอเข้ามาแล้วดำเนินการได้เร็วกว่าที่  กกต. ทำเอง ประธานกกต. กล่าวว่า มีบางเรื่องที่พยานหลักฐานไม่มากเท่ากับที่ดีเอสไอมี  จึงต้องการให้ดีเอสไอเข้ามาช่วยดู และเมื่อเชิญเข้ามา บวกกับพยานหลักฐานที่เขามีอยู่แล้วก็ทำให้ไม่ช้า ซึ่งคำร้องของ  สว. มีทั้งหมดประมาณ  577  คำร้อง ทำเสร็จไปแล้ว 300 กว่าเรื่อง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์