ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประมง พ.ศ. 2558 จำนวน 7 ฉบับ ตามที่หลายพรรคการเมืองเสนอ ซึ่งตกค้างการลงมติวาระรับหลักการจากการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากเกิดเหตุสภาฯ ล่ม และในการพิจารณาครั้งนี้ มีกลุ่มชาวประมงมาติดตามการพิจารณาร่างกฎหมายดังกลาวในห้องประชุมสภาฯ ด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุมลงมติให้ความเห็นชอบวาระรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ด้วยคะแนน 297 ต่อ 0 และตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ 25 คน มาพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สภาฯ ให้ความเห็นชอบแล้ว ปรากฏว่าที่ประชุมได้ถกเถียงกัน จะยึดร่าง พ.ร.บ.ฉบับใด เป็นร่างหลักพิจารณาในชั้น กมธ. ระหว่างร่างของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับร่างของ กันตวรรณ ตันเสถียร ส.ส.พังงา พรรคประชาธิปัตย์
โดยฝ่ายพรรคเพื่อไทย อ้างว่า ร่างฉบับ นพ.ชลน่าน มีเนื้อหาครอบคลุมการแก้ปัญหาให้ชาวประมงทุกด้าน มากกว่าฉบับของ กันตวรรณ ขณะที่ กันตวรรณ ชี้แจงว่า ร่างฉบับของตนมาจาก กมธ.เกษตรและสหกรณ์ ที่มีตัวแทนทุกพรรคการเมือง และภาคประชาชนร่วมพิจาณามาอย่างรอบคอบ ซึ่งทั้งสองฝ่ายถกเถียงกันอยู่นาน ก่อนที่ประชุมสภาฯ จะลงมติให้ความเห็นชอบ ใช่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับของ นพ.ชลน่าน เป็นร่างหลักในชั้น กมธ.
จากนั้น เข้าสู่วาระกระทู้ถามสด โดย ณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมต.กลาโหม กรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออก พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ เพื่อเลื่อนการบังคับใช้ พ.ร.บ.ที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 ก.พ. 2566 ไปเป็นวันที่ 1 ต.ค. 2566 โดยอ้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไม่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์ แต่รายงานที่ส่งมายังสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า สตช.มีความพร้อมดำเนินการหมดแล้ว
“ไม่รู้ว่าใครโกหก รัฐบาลไม่เต็มใจออกกฎหมายฉบับนี้หรือไม่ ช่วงที่กฎหมายถูกเลื่อนบังคับใช้ จะมีอะไรเป็นหลักประกัน ประชาชนจะไม่ถูกซ้อมทรมานหรืออุ้มหาย” ณัฐวุฒิ ระบุ
ด้าน สมศักดิ์ เทพสุทิน รมต.ยุติธรรม เป็นผู้ตอบกระทู้ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรี ชี้แจงยืนยันว่า สาเหตุที่เลื่อนบังคับใช้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เพราะ สตช.ยังไม่พร้อมในการบังคับใช้กฎหมาย 4 มาตรา ซึ่งเกี่ยวกับความพร้อมเรื่องอุปกรณ์ เช่น กล้องติดตัวเจ้าหน้าที่ กล้องบันทึกภาพในห้องสอบสวน กล้องติดรถยนต์ จึงขอเลื่อนแค่ 7 เดือน ถ้าบังคับใช้กฎหมายโดยไม่มีความพร้อม จะกระทบต่อการจัดเก็บข้อมูล การบันทึกปากคำอาจไม่บรรลุวัตถุประสงค์ในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิด ส่งผลต่อความปลอดภัยของสาธารณะ และเจ้าหน้าที่รัฐยังเสี่ยงถูกดำเนินคดีอาญาด้วย
“การอ้างรายงานต่างๆ ว่า สตช.มีความพร้อมเรื่องอุปกรณ์ต่างๆ แล้ว แต่รายงานที่ส่งมายังกระทรวงยุติธรรม แจ้งว่า ยังไม่มีความพร้อม การเลื่อน 7 เดือนน้อยมาก ขณะนี้ทราบว่า สตช.ได้อนุมัติงบประมาณการจัดซื้ออุปกรณ์กล้องต่างๆ ที่ยังไม่พร้อมเรียบร้อยแล้ว ยืนยันไม่มีการดึงดันกฎหมาย ส่วนการส่ง พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย มาให้สภาฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบนั้น ทราบว่ากำลังเร่งส่งมาให้อยู่ แต่รับรองไม่ได้ว่า เมื่อส่งมาแล้วจะมีการเปิดประชุมสภาฯ ให้ความเห็นชอบ พ.ร.ก.ฉบับนี้ ทันก่อนปิดสมัยประชุมหรือไม่” สมศักดิ์ ระบุ
ทั้งนี้ ที่ประชุมลงมติให้ความเห็นชอบวาระรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ด้วยคะแนน 297 ต่อ 0 และตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ 25 คน มาพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สภาฯ ให้ความเห็นชอบแล้ว ปรากฏว่าที่ประชุมได้ถกเถียงกัน จะยึดร่าง พ.ร.บ.ฉบับใด เป็นร่างหลักพิจารณาในชั้น กมธ. ระหว่างร่างของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับร่างของ กันตวรรณ ตันเสถียร ส.ส.พังงา พรรคประชาธิปัตย์
โดยฝ่ายพรรคเพื่อไทย อ้างว่า ร่างฉบับ นพ.ชลน่าน มีเนื้อหาครอบคลุมการแก้ปัญหาให้ชาวประมงทุกด้าน มากกว่าฉบับของ กันตวรรณ ขณะที่ กันตวรรณ ชี้แจงว่า ร่างฉบับของตนมาจาก กมธ.เกษตรและสหกรณ์ ที่มีตัวแทนทุกพรรคการเมือง และภาคประชาชนร่วมพิจาณามาอย่างรอบคอบ ซึ่งทั้งสองฝ่ายถกเถียงกันอยู่นาน ก่อนที่ประชุมสภาฯ จะลงมติให้ความเห็นชอบ ใช่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับของ นพ.ชลน่าน เป็นร่างหลักในชั้น กมธ.
จากนั้น เข้าสู่วาระกระทู้ถามสด โดย ณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมต.กลาโหม กรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออก พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ เพื่อเลื่อนการบังคับใช้ พ.ร.บ.ที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 ก.พ. 2566 ไปเป็นวันที่ 1 ต.ค. 2566 โดยอ้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไม่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์ แต่รายงานที่ส่งมายังสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า สตช.มีความพร้อมดำเนินการหมดแล้ว
“ไม่รู้ว่าใครโกหก รัฐบาลไม่เต็มใจออกกฎหมายฉบับนี้หรือไม่ ช่วงที่กฎหมายถูกเลื่อนบังคับใช้ จะมีอะไรเป็นหลักประกัน ประชาชนจะไม่ถูกซ้อมทรมานหรืออุ้มหาย” ณัฐวุฒิ ระบุ
ด้าน สมศักดิ์ เทพสุทิน รมต.ยุติธรรม เป็นผู้ตอบกระทู้ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรี ชี้แจงยืนยันว่า สาเหตุที่เลื่อนบังคับใช้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เพราะ สตช.ยังไม่พร้อมในการบังคับใช้กฎหมาย 4 มาตรา ซึ่งเกี่ยวกับความพร้อมเรื่องอุปกรณ์ เช่น กล้องติดตัวเจ้าหน้าที่ กล้องบันทึกภาพในห้องสอบสวน กล้องติดรถยนต์ จึงขอเลื่อนแค่ 7 เดือน ถ้าบังคับใช้กฎหมายโดยไม่มีความพร้อม จะกระทบต่อการจัดเก็บข้อมูล การบันทึกปากคำอาจไม่บรรลุวัตถุประสงค์ในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิด ส่งผลต่อความปลอดภัยของสาธารณะ และเจ้าหน้าที่รัฐยังเสี่ยงถูกดำเนินคดีอาญาด้วย
“การอ้างรายงานต่างๆ ว่า สตช.มีความพร้อมเรื่องอุปกรณ์ต่างๆ แล้ว แต่รายงานที่ส่งมายังกระทรวงยุติธรรม แจ้งว่า ยังไม่มีความพร้อม การเลื่อน 7 เดือนน้อยมาก ขณะนี้ทราบว่า สตช.ได้อนุมัติงบประมาณการจัดซื้ออุปกรณ์กล้องต่างๆ ที่ยังไม่พร้อมเรียบร้อยแล้ว ยืนยันไม่มีการดึงดันกฎหมาย ส่วนการส่ง พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย มาให้สภาฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบนั้น ทราบว่ากำลังเร่งส่งมาให้อยู่ แต่รับรองไม่ได้ว่า เมื่อส่งมาแล้วจะมีการเปิดประชุมสภาฯ ให้ความเห็นชอบ พ.ร.ก.ฉบับนี้ ทันก่อนปิดสมัยประชุมหรือไม่” สมศักดิ์ ระบุ