ภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า วันนี้รัฐบาลได้ประกาศพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดสงขลา โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นผู้บริหารสถานการณ์ในพื้นที่
ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศปกฉ.) มีตนเองเป็นผู้อำนวยการ มี ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกฯ เป็นเลขาธิการ ศปกฉ., สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกฯ และ พล.ท.วันชนะ สวัสดี โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นโฆษก ศปกฉ.
ศูนย์นี้จะบูรณาการหน่วยงานราชการต่างๆ เพื่อรวบรวมรับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนในเขตพื้นที่ ผ่านหมายเลข 1784 และ 1111 รวมถึงเพจข่าวสารต่างๆ เพื่อนำมาคัดกรองกัน
— ภราดร ปริศนานันทกุล
สำหรับการช่วยเหลือจะแบ่งเป็น
- เคสสีแดง ซึ่งต้องการความช่วยเหลือแบบเร่งด่วน ผู้ที่อยู่ในที่อันตรายขั้นรุนแรงและวิกฤติ
- เคสสีเหลือง สำหรับผู้ที่ติดอาศัยอยู่ในบ้านเรือนสองชั้น แต่ขาดแคลนอาหาร น้ำดื่ม และทรัพยากร
โดยจะประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า ที่มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้บัญชาการหน้างานดำเนินงานช่วยเหลือต่อไป
ภราดร กล่าวว่า ขณะนี้หน่วยงานรัฐอยู่ในพื้นที่ทั้งหมดแล้ว เหล่าทัพต่างๆ เข้าไปช่วยเหลือประชาชนในเรื่องการอพยพและลำเลียงสิ่งของจำเป็นให้ผู้ที่อยู่ด้านใน โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดจะเป็นผู้บริหารหน้างาน และประสานกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อรวบรวมและสอบถามความต้องการของแต่ละจุดว่าต้องการแบบไหน และจะบริหารจัดการหน้างาน ส่งมาเร็วที่มีทั้งเรือและรถเข้าไปช่วยเหลือประชาชน จุดไหนที่เรือเข้าไม่ได้ก็จะใช้เฮลิคอปเตอร์เพื่อนำอาหารและสิ่งของจำเป็นเข้าไปดูแลได้มากที่สุด
ส่วนโรงพยาบาล นายกฯ ได้มีคำสั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินการอย่างไรก็ได้ เพื่อให้โรงพยาบาลไม่ขาดไฟฟ้า พยายามดูแลชีวิตของผู้ป่วยให้ดีที่สุด หากเคสไหนไม่สามารถที่จะดำเนินการอยู่ที่โรงพยาบาลได้ โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดจะเป็นผู้ตัดสินใจดำเนินการรับผู้ป่วยออกมาเป็นเคสๆ ไป

ด้าน สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักงานนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ศูนย์ดังกล่าวจะเปิด 24 ชั่วโมง เพื่อที่จะรวบรวมข้อมูลจากทุกแพลตฟอร์ม นำมาคัดกรอง
หลังจากการเปิดศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัยแล้ว หากมีข้อกังวลใจจากภาคประชาชน จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปคัดกรองแล้วจะทำให้เกิดความล่าช้าหรือไม่ ยืนยันว่าการดำเนินการในส่วนพื้นที่ก็มีการปฏิบัติการในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัดอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เราได้พบคือข้อมูลมาจากหลากหลายช่องทาง ทั้งช่องทางที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ หน้าที่ของศูนย์ฯ นี้คือการรวบรวมข้อมูลเหล่านั้นไปจัดเรียงเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน
— สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ
นอกจากนี้ยังพบว่าการเสนอตัวเข้ามาช่วยเหลือของจิตอาสาเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ ถ้าไม่มีการบริหารจัดการหลังบ้านที่ดีก็จะกลายเป็นว่าทรัพยากรที่มีจะลงไปตามพื้นที่ อาจจะได้รับทราบข้อมูลตามโซเชียลมีเดีย หรือตามแหล่งข่าวเท่านั้น ดังนั้นการตั้งศูนย์ฯ เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่หลังบ้านให้กระจายลงพื้นที่อย่างทั่วถึง และหลังจากน้ำลดแล้ว ศูนย์ฯ นี้ก็จะมีหน้าที่ในการบริหารจัดการทรัพยากรข้อมูลในกรณีที่มีการช่วยเหลือจากพื้นที่ต่างๆ ให้ข้อมูลว่าโซนไหนยังขาดแคลนอะไร ไม่ให้เกิดเหตุการณ์บางศูนย์มีมาก บางศูนย์ยังขาด
ยืนยันว่าศูนย์นี้จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารจัดการงานอย่างแน่นอน
— สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ


