ศาสตราจารย์ (พิเศษ) จรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “สนามข่าว 96” ออกอากาศทางสถานีวิทยุ F.M. 96.0 MHz และ FB LIVE: SpacebarMediaTH (20 สิงหาคม 2568) ตอนหนึ่งถึงมุมมองต่อคดีคลิปเสียง ‘นายกฯแพทองธาร-ฮุนเซน’
กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ (ศาล รธน.) นัดไต่สวนพยานบุคคลเพิ่มเติมจำนวน 2 ปาก คือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วัฒนธรรม) และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กรณีคลิปเสียง ในวันที่ 21 สิงหาคม ก่อนวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม 2568
อดีตตุลาการศาล รธน.กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องปกติตามหลักปฏิบัติพื้นฐานของฝ่ายตุลาการศาลทุกศาล ในการพิจารณาคดีที่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้อง ได้ชี้แจงพร้อมหลักฐานที่เป็นประโยชน์ เป็นหลักการที่ยึดปฏิบัติสืบต่อกันมาว่าการพิจารณาคดีศาลต้องฟังความของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
“ดังนั้น การที่ศาลฯ ให้นายกฯ แพทองธาร ซึ่งเป็นผู้ถูกร้องได้มาแถลง ได้มาชี้แจง ถือเป็นเรื่องปรกติที่สุด เพราะถ้าหากไม่ให้มา ถึงแม้จะเป็นกรณียกเว้น ศาลเองก็ต้องมีเหตุผลพิเศษชี้แจงต่อสังคมให้เห็นได้”
“เพราะฉะนั้น การที่ศาลให้โอกาสนายกฯ มาในวันพรุ่งนี้ (21 ส.ค.) ถือว่าถูกต้องที่สุด ไม่มีปัญหาอะไร รวมถึงผู้ถูกร้องอื่นๆ ที่ศาลนัดไต่สวน ก็ถือเป็นดุลพินิจที่ศาลพิจารณาว่าจะได้ประโยชน์ในการแสวงหาข้อเท็จจริงใดๆ เพื่อประกอบการวินิจฉัยคดี ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ”
ผู้ดำเนินรายการถามว่า หากกรณีผู้ถูกร้องไป หรือไม่ไปศาลตามนัด จะมีผลเป็นบวกหรือลบต่อรูปคดีหรือไม่ อดีตตุลาการศาล รธน. กล่าวว่า “ถ้าเป็นผมแนะนำคู่กรณีต้องไป เพราะนี่คือโอกาสที่ศาลท่านได้เปิดโอกาสให้ได้ไปแถลง นำหลักฐานที่เป็นประโยชน์กับตัวเราเองไปชี้แจง ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดี ดีกว่าการไม่ไปศาล”
ส่วนความกังวลเรื่องการไปหรือไม่ไปศาลแล้วผลจะเป็นคุณ หรือเป็นโทษนั้น อดีตตุลาการศาล รธน.กล่าวว่าการพิจารณาคดีของศาลมีดุลยพินิจ มีขอบเขต ตุลาการทุกศาลไม่ไปก้าวล่วงทิ่มแทง โดยส่วนตัวมองว่าไม่มีอะไรน่าห่วงใย ยกเว้นแต่ว่าเราเองจะมีแผล หรือกลัวเกรงว่าจะชี้แจงไม่ได้ จะไม่ไปศาลก็ไม่เป็นไร ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย เพียงแต่ไม่ขอใช้โอกาสที่ศาลให้เท่านั้นเอง
“ในมุมมองของผม ผู้ถูกร้องควรต้องไปศาลตามที่ศาลท่านได้ให้โอกาส กรณีของ ‘นายกฯแพทองธาร’ ผมเดาว่าท่านไป เพราะมันเป็นโอกาส แล้วจะไม่ไปทำไม เว้นแต่ติดงานสำคัญของประเทศชาติ”
ผู้ดำเนินรายการถามว่า สังคมมีการคาดการณ์หากนายกฯลาออกก่อนถึงวันพิจารณาคดี (29 ส.ค.) เป็นไปได้หรือไม่ที่ศาลจะจำหน่าย หรือไม่จำหน่ายคดี อดีตตุลาการศาล รธน.กล่าวว่า ถ้าให้ตนเองเป็นผู้ให้ความเห็นส่วนตัวก็จะมองว่าคดีนี้มีมาตรการลงโทษอะไรที่ต่อเนื่องมากไปกว่าการพ้นจากตำแหน่งหรือไม่
“ซึ่งเท่าที่ผมทำมา ผมจะดูว่า ถ้าตัดสินให้ผู้ถูกร้องพ้นจากตำแหน่งในคดีนี้แล้ว มันมีบทลงโทษอะไรต่ออีกไหม เช่น ตัดสิทธิ์รับเลือกตั้ง หรือห้ามตั้งพรรคการเมืองไหม ถ้ามันมีบทลงโทษต่อเนื่องมากไปกว่าการพ้นจากตำแหน่ง แม้ผู้ถูกร้องจะลาออก แต่ศาลก็จะไม่จำหน่ายคดี เพราะถือว่าหนีการลงโทษ ที่กฎหมายบังคับไว้ว่าจะต้องเผชิญ”
“แต่ถ้าคดีใดมันจบแค่ “พ้นจากตำแหน่ง” แล้วจบเลย ศาลก็ไม่มีอำนาจลงโทษอะไรต่อไปได้อีกแล้ว เมื่อเขาลาออกไปก่อน มันก็ไม่มีเหตุต้องพิจารณาวินิจฉัยต่อ”
ผู้ดำเนินรายการถามต่อว่า มองรูปคดีนี้ ผู้ถูกร้องมีโอกาสหรือไม่ ศ.(พิเศษ) จรัญ กล่าวว่า ขอให้เป็นดุลยพินิจของศาล ส่วนตัวไม่ไปก้าวล่วง