ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมร่วมกันของรัฐสภา วาระพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
โดยในช่วงของ พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม ได้ชี้แจงถึง ‘ปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา’ ว่า เคยรับราชการชายแดนที่ จ.บุรีรัมย์ เป็นผู้บังคับหน่วย เป็นแม่ทัพภาค 2 นำกำลังปะทะทหารกัมพูชา ปี 2554 ด้วยตัวเอง ทราบดีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชามีบริบทอย่างไร แต่ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าสมัยก่อน เกินกว่ากำลังทหาร หน่วยความมั่นคงหน่วยเดียวจะแก้ปัญหาได้ มีมิติอื่นต้องแก้ปัญหาเป็นแนวทางเดียวกัน คือ
1. การทูตหรือการต่างประเทศ
2. ข้อมูลข่าวสาร ในยุคโซเชียลมีเดีย ข้อมูลเป็นโฆษณาชวนเชื่อ กัมพูชาใช้ข้อมูลเหล่านี้สร้างสถานการณ์ยั่วยุ เพื่อไปใช้ในเวทีโลก ถ้าไปทำตามที่เขาคิด เท่ากับเรากำลังทำลายชาติ เป็นสิ่งที่กัมพูชาต้องการให้เกิดขึ้น
การเผยแพร่ข้อความ “ฝากดูแลทหารไทยรอบภูมะเขือ ยังกินแต่มาม่า ปลากระป๋อง ฝนตกหนัก” นั้น “มาม่า-ปลากระป๋อง” บริเวณชายแดนในสถานการณ์เผชิญหน้า ถือว่าดีที่สุดแล้ว พูดในฐานะที่ผ่านมาด้วยตัวเอง ไม่มีใครเอารถไปส่งเสบียง น้ำวันละขวดเยอะแล้ว ความภาคภูมิใจไม่ได้อยู่ที่การกินอาหารดีๆ อยู่ที่การได้รับใช้ชาติ ปกป้องอธิปไตย ไม่มีใครไปเรียกร้องหาอาหารดีๆ
พล.อ.อดุลย์ ชี้แจงต่อถึงข้อ 3. มิติเศรษฐกิจ ขณะนี้เรากดดันกัมพูชาโดยปิดด่าน ปิดบ่อนการพนันที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้ทหารกัมพูชา ถ้าไม่มีบ่อนพนัน อีกไม่นานทหารกัมพูชาก็ขาดการส่งกำลังบำรุง เงินไม่มี อาหารไม่มี อยู่ลำบาก แต่การปิดด่านส่งผลกระทบประชาชนบางส่วนที่ค้าขายชายแดน ปัจจุบันเป็นสงครามลูกผสมระหว่างกำลังทหารกับกำลังที่ไม่ใช่ทหาร ทำสงครามเอาชนะโดยไม่ต้องรบ ใช้การบิดเบือนข้อเท็จจริง เล่นบทเหยื่อในเวทีโลก
เข้าใจความอึดอัดของประชาชน การรบไม่ใช่เรื่องยาก อาชีพทหารไม่ใช่อาชีพนักธุรกิจ ที่ขาดทุนแล้วเริ่มต้นใหม่ได้ แต่ทหารแพ้คือ อธิปไตยชาติ ถ้าตาย บาดเจ็บ ลูกเมียอยู่ลำบาก เป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจ ขอให้ความเชื่อมั่นแผ่นดินไทยต้องเป็นของไทย ฝากให้กำลังใจทหารชายแดน อย่าไปดูคลิปแล้วบอกทำไมไม่ดูแลลูกน้อง บั่นทอนกำลังใจผู้บังคับหน่วย ยืนยันไทยรักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด