ไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง! ‘ศาล รธน.’ ตีตกคำร้องปม ‘MOA ส้ม-น้ำเงิน’

26 พ.ย. 2568 - 10:48

  • ศาลรัฐธรรมนูญตีตกคำร้องปม ‘ปชน.’ ทำ MOA กับ ‘ภูมิใจไทย’

  • ชี้ยังไม่เข้าข่ายใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง

  • ผู้ร้องไม่สามารถยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ได้

ไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง! ‘ศาล รธน.’ ตีตกคำร้องปม ‘MOA ส้ม-น้ำเงิน’

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่ง “ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย” ในคดีที่ บริษัท ไอเอ็มที กรุ๊ป จำกัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) ผู้ร้อง ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า การกระทำของพรรคประชาชน ผู้ถูกร้อง ที่จัดทำบันทึกข้อตกลงทางการเมือง (MOA) กับพรรคภูมิใจไทย เป็นการทำข้อตกลงนอกกรอบรัฐธรรมนูญ ผูกพันอำนาจอธิปไตยของประชาชนและองค์กรตามรัฐธรรมนูญล่วงหน้าโดยไม่ผ่านกระบวนการปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญ หมวด 16 การปฏิรูปประเทศ เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง นอกจากนี้ ผู้ถูกร้องสนับสนุนนโยบายสกุลเงินดิจิทัลของรัฐ และแนวคิดการคลังแบบกระจายศูนย์ กระทบต่อหลักความมั่นคงทางเศรษฐกิจและอธิปไตยทางการคลังของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 และมาตรา 174 ละเมิดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 เป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองในฐานะวิสาหกิจเพื่อสังคมที่มีหน้าที่ดำเนินการเพื่อการปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นของผู้ร้องเกี่ยวกับการจัดทำบันทึกข้อตกลงทางการเมือง (MOA) ซึ่งเป็นการเจรจาหรือการประกาศเจตจำนงทางการเมืองร่วมกันของผู้ถูกร้องกับพรรคภูมิใจไทย ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานอื่นที่ชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นได้ว่าผู้ถูกร้องกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49

ส่วนที่ผู้ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 นั้น แม้ผู้ร้องกล่าวอ้างว่าได้ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่เมื่อพิจารณาประเด็นที่ผู้ร้องยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว ปรากฏว่าเป็นการขอให้เสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลปกครองเพื่อพิจารณาวินิจฉัย กรณีกฎกระทรวง ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พุทธศักราช 2485 มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 มาตรา 40 ถึง มาตรา 43 และขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีให้มีการตราพระราชกำหนดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับการยื่นตามคำร้องนี้ กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 46 ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด และอัยการสูงสุดมีหนังสือแจ้งว่า การกระทำของผู้ถูกร้อง “ยังไม่เข้าข่ายเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง จึงมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ

อ่านรายละเอียดคดี

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์