พท. ส่ง 4 ฝีปากกล้า ‘สุทิน-จาตุรนต์-จุลพันธ์-ชลน่าน’ ชำแหละ ‘นโยบาย รบ.’ ทุบคุณสมบัติ รมต.

20 ก.ย. 2568 - 04:27

  • ‘เพื่อไทย’ เคาะส่งมือฝีปากกล้า ‘สุทิน-จาตุรนต์-จุลพันธ์-ชลน่าน’ ทัพหน้าชำแหละ ‘นโยบายรัฐบาลอนุทิน’ พุ่งเป้า ‘คุณสมบัติ’ คนเป็นรมต.

  • มั่นใจส่งร่างแก้ไข รธน. หมวด 15/1 ทันสัปดาห์หน้า ยึดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นบรรทัดฐาน

  • ย้ำเลือก สสร.ทางอ้อม วางกรอบ 140-150 คน จากทุกจังหวัดและตัวแทนองค์กร

พท. ส่ง 4 ฝีปากกล้า ‘สุทิน-จาตุรนต์-จุลพันธ์-ชลน่าน’ ชำแหละ ‘นโยบาย รบ.’ ทุบคุณสมบัติ รมต.

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมของพรรคเพื่อไทยในการอภิปรายแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ของรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ว่า เบื้องต้นเราทราบคร่าวๆ แต่ยังไม่เป็นทางการว่า จะมีการอภิปรายในวันที่ 29-30 ก.ย. นี้ โดยทางพรรคเพื่อไทยได้มีการประชุมไปแล้วเมื่อวานนี้ (19 ก.ย.) ถึงการเตรียมความพร้อม ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายคณะทำงานเพื่อเตรียมการอภิปรายคำแถลงนโยบายของรัฐบาลโดยบุคคลที่รับมอบหมายมี สุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ ,จาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ ,จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ และนพ.ชลน่าน เป็นคณะทำงานหลัก โดยจากนี้จะแสวงหาบุคคลมาร่วมทำงานเพื่อเตรียมการอภิปราย

นอกจากนั้น ที่ประชุมยังได้มอบหมายประเด็นที่ควรจะอภิปรายไปให้พิจารณาโดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ 1.นโยบายที่จะแถลง โดยคณะทำงานต้องไปศึกษาว่าในคำแถลงเป็นอย่างไร แต่เราก็คาดการณ์และเตรียมเป็นข้อสอบเอาไว้ ซึ่งจะเป็นประเด็นในการบริหารในราชการ 4 เดือน และ 2.ตัวบุคคลที่มาเป็นรัฐมนตรี เกี่ยวกับคุณสมบัติความรู้ความสามารถที่จะบริหารราชการแผ่นดิน

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ในการอภิปราย 2 วันนั้น เราไม่ได้ใช้เนื้อหาในการแบ่งผู้อภิปราย แต่เราคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของสมาชิกรัฐสภา เพราะการแถลงนโยบายต้องแถลงต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภา ซึ่งโดยหลักแล้วมี 3 กลุ่มใหญ่คือ 1.สว. 2.สส. และ 3.สส.ที่สนับสนุนและไม่เห็นด้วย ดังนั้น ระยะเวลาที่อภิปรายต้องเฉลี่ยให้แต่ละฝ่ายที่เหมาะสม จึงต้องใช้การอภิปรายอย่างน้อย 2 วัน 

ส่วนโฉมหน้าคณะรัฐมนนตรีที่ออกมาแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง เพราะบางคนจะมีเรื่องคุณสมบัติในการอภิปราย ทางพรรคเพื่อไทยมีหลักฐานอะไรหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีอยู่ในกลุ่มของการอภิปรายตัวบุคคล เกี่ยวกับคุณสมบัติที่ใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินมีลักษณะต้องห้ามหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นหนึ่งที่สมาชิกหรือทีมงานต้องเตรียมเรื่องนี้เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ​

นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่ามีความคืบหน้า หลังจากได้ประชุมไป 3 ครั้ง โดยเมื่อวานนี้ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา คณะทำงานได้มีการประชุมพิจารณาร่างที่ได้มีการยกร่างไปแล้ว และได้ให้ฝ่ายเลขาฯ ไปปรับแก้ เพราะเบื้องต้นร่างของพรรคเพื่อไทยเสร็จแล้ว เพียงแต่มีข้อทักท้วงที่ต้องปรับแก้โดยหลักเรายึดหลักการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะไม่อยากให้เป็นปัญหาและการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เรามุ่งเน้นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เท่านั้น คือเพิ่มหมวด15/1 เข้าไป ตามมาตรา 256 เราไม่แตะประเด็นอื่นเลย เพราะระยะเวลามันสั้น จึงเน้นที่การจัดทำรัฐธรรมนูญ

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สิ่งที่เราต้องคำนึงคือผู้ยกร่างจะเป็นใคร เราใช้คำว่าสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพราะจะเป็นถ้อยคำที่ต้องปรากฎในรัฐธรรมนูญ จึงคิดว่าสภาร่างเป็นที่รู้จักและเข้าใจ และเปิดช่องการมีส่วนร่วมมากที่สุด โดยที่มาของสภาร่างรัฐธรรมนูญ เราเลี่ยงไม่ให้ขัดกับคำวินิจฉัยของรัฐธรรมนูญ จึงใช้วิธีเลือกทางอ้อม ตอนนี้วางไว้ที่ 140-150 คน เนื่องจากยังมีองค์กรต่างๆ ที่ยังขาดหายไป และแบ่งที่มาออกเป็น 2 ส่วน คือ การมีส่วนร่วมของประชาชนให้มาจากแต่ละจังหวัดเพื่อเลือกเบื้องต้นมา ซึ่งแต่ละจังหวัดจะคำนวณจากฐานประชากรตั้งจำนวนไว้ที่ 100 คน แต่ผู้สมควรได้รับการคัดเลือกจะเป็น 2 เท่า ส่วนจังหวัดที่ค่าเฉลี่ยประชากรไม่ถึง 1 คน ก็จะปัดให้ส่งตัวแทนมา 2 คน และส่วนที่ 2 ที่มาจากองค์กรต่างๆ ให้ส่งตัวแทนมาผ่านการแต่งตั้งของสภา โดยเมื่อได้ทั้ง 2 ส่วนมาแล้ว รัฐสภาจะเป็นผู้แต่งตั้ง

ส่วนร่างของพรรคเพื่อไทยจะเสร็จทันภายในสัปดาห์หน้าหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ดูจากเวลาแล้วเรามั่นใจ ถ้าไม่มีปัญหาอุปสรรคอื่น และดูจากไทม์ไลน์ที่กระชับที่สุด วาระที่ 1 อย่างช้าต้องไม่เกินวันที่ 29 ต.ค. เพราะสภาผู้แทนราษฎรจะปิดสมัยประชุมวันที่ 31 ต.ค. และเปิดสมัยในวันที่ 12ธ.ค. ดังนั้นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคมจนถึง 30 ต.ค. มีโอกาสเสนอและพิจารณาร่างได้ก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ ในชั้นรับหลักการและตั้งกรรมาธิการเพื่อพิจารณาร่าง พร้อมย้ำว่า มั่นใจดูจากไทม์ไลน์เสร็จทันแน่นอน และช้าสุดวาระ 3 ต้องไม่เกินกว่า 15 ม.ค. 2569 หากดูจากวันแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ซึ่งคาดว่ าน่าจะเป็นวันที่ 29-30 ก.ย.นี้ และนับไปคำนวณเวลายุบสภา เว้นไว้ 15 วัน เพื่อส่งให้ทำประชามติ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์