ทางแพร่ง ‘พรรคบรรหาร’ ไปต่อ หรือ พอแค่นี้ ?
จะถึงคราวอวสาน ‘พรรคบรรหาร’ หรือไม่ ในยุคที่ ‘ตระกูลศิลปะอาชา’ รุ่นลูก ไม่ได้มี ‘อำนาจ-บารมีการเมือง’ เท่ายุคพ่อ ด้วยบริบทการเมืองที่เปลี่ยนไป รวมทั้งวิถี ‘ผู้นำพรรค’ ที่ต่างเจเนอเรชั่นและแนวทางต่างกัน หรือจะหมดยุค ‘พรรคจังหวัดนิยม’ ที่ไม่โต-ไม่ตาย ติดกับดักอยู่ใน ‘คอมฟอร์ต โซน’ ใช้ตัวเลข สส. ที่มีในระดับหนึ่ง ต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีได้สัก 1-2 ที่นั่ง ก็พอแล้ว
ย้อนไปต้นเดือน ต.ค.68 มีกระแสข่าว ‘วราวุธ ศิลปอาชา’ เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ซึ่ง ‘วราวุธ’ ไม่ได้ปฏิเสธข่าวอย่างตรงๆ แต่ยืนยันว่ายังคงเป็น ‘หน.พรรคชาติไทยพัฒนา’ และ สส. ทั้ง 10 คน ไม่มีใครไปไหน
ต่อมากลางเดือน พ.ย.68 ‘วราวุธ’ ปรากฎภาพถ่ายกับ ‘เจนวาย ภูมิใจไทย’ ภราดร ปริศนานันทกุล , กรวีร์ ปริศนานันทกุล , สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ซึ่งทั้งหมดเคยอยู่ ‘ชาติไทย-ชาติไทยพัฒนา’ มาก่อน ซึ่งในรูปยังมี สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล บิดาของ ‘ภราดร-กรวีร์’ และ นิกร จำนง ผอ.ชาติไทยพัฒนา ซึ่ง ‘นิกร’ แจงคุยเรื่องน้ำท่วม , สถานการณ์การเมือง , การแก้ไข รธน. ต่อมามีกระแสข่าวว่า วราวุธ จะนำ สส. ย้ายไปซบ ภท. แทน
หลังปรากฏภาพถ่ายเพิ่ม ‘ศุภโชค ศรีสุขจร’ สส.นครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนา สายบ้านใหญ่สะสมทรัพย์ เดินทางไปต่างประเทศกับ ‘พลพีร์ สุวรรณฉวี’ สส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย ที่เป็น ‘วอลเปเปอร์อนุทิน’ ในภาพถ่ายยังมี 4 สส. ได้แก่ สรัสนันท์ อรรณนพพร สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย , ร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ , อัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ติดแฮชแท็ก “ภูมิใจไทย”
ชพน. มรดกคนสุพรรณ ไม่ใช่มรดกศิลปอาชา
จองชัย เที่ยงธรรม แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ได้ออกมาย้อนคำพูดวันเกิดของตัวเอง 23 ต.ค.68 ที่ วราวุธ มาอวยพรวันเกิดที่บ้านกล้วย จ.สุพรรณบุรี ว่า “พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นมรดกของคนสุพรรณบุรี ไม่ใช่มรดกของศิลปอาชา คนตระกูลศิลปอาชา เป็นเพียงผู้ดูแลมรดกให้กับคนสุพรรณบุรีเท่านั้น ที่ผ่านมาคนสุพรรณบุรีมีความผูกพันกับพรรคชาติไทยพัฒนามาก”
“ตอนปี 2562 ตอนที่ผมย้ายไปพรรคภูมิใจไทยเพื่อลงแข่งกับ ประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค ชทพ. ผมถูกรุม ผลเลือกตั้งที่ออกมา ไม่ใช่ว่าผมแพ้ประภัตร แต่แพ้คนสุพรรณบุรี ซึ่งการเลือกตั้งรอบนั้นเป็นคติสอนใจให้กับผมว่า เป็น สส.มา 40 ปี เมื่อย้ายพรรคก็แพ้ เพราะคนสุพรรณบุรีผูกพันกับพรรคชาติไทยพัฒนามากกว่าผม”
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น VS ลูกไม้คนละต้น
ย้อนแนวทาง ‘บรรหาร ศิลปอาชา’ ทำการเมืองแบบ ‘หลงจู๊’ วิถี ‘นักการเมืองรุ่นเก่า’ สร้างเครือข่ายในพื้นที่ ‘ผู้กวางขาง + ราชการ’ จึงกำเนิด ‘บ้านใหญ่’ ขึ้นมา และกลายเป็นโมเดล ‘จังหวัดนิยม’ ผ่านภาพ ‘บรรหารบุรี’
หนึ่งในผลผลิตคือ ‘เนวิน ชิดชอบ’ ที่ถือเป็น ‘ศิษย์ในกุฏิ’ ของ ‘บรรหาร’ สมัยอยู่ ‘พรรคชาติไทย’ ที่มีโมเดลนี้ในการทำการเมือง หาก ‘วราวุธ’ ขน ‘บ้านใหญ่ชาติไทยพัฒนา’ ไปซบ ภท. ในแง่หนึ่งก็ราวกับ ‘พรรคสีน้ำเงิน’ ทำการเทคโอเวอร์ ‘พรรคสีชมพู’ เรียบร้อย
สำหรับ ‘วราวุธ’ โตในยุคที่ ‘บรรหาร’ สร้างให้แล้ว เป็น ‘เด็กจบนอก’ มีความเป็น ‘วิชาการ’ ไม่ทำการเมืองแบบ ‘หลงจู๊’ ไม่ได้ดูแล ‘มุ้งการเมือง’ ทำการเมืองแบบ ‘One Man Show’ เห็นได้ชัดผ่านการเป็น รัฐมนตรี ยุค รบ.ประยุทธ์-เศรษฐา-แพทองธาร
มาพร้อมสภาวะถดถอย ‘ชาติไทยพัฒนา’ ยุค ‘วราวุธ’ เหตุ ‘บ้านใหญ่’ แพแตก เหลือ สส.เขต 9 คน พื้นที่ จ.สุพรรณบุรี 5 คน จ.นครปฐม 3 คน จ.ร้อยเอ็ด 1 คน ทำให้ ‘วราวุธ-ชาติไทยพัฒนา’ ไม่มีอำนาจต่อรองเก้าอี้ ‘รัฐมนตรี’ และขาด ‘มือขวา’ ที่กว้างขวางในยุทธจักรการเมือง-เก๋าเกม ในการทำพรรค
อนาคต ‘พรรคบรรหาร’ มรดกจาก ‘พ่อ’ ย่อมถูกกำหนดโดย ‘ลูก’ ในฐานะ ‘ผู้รับมรดก’ โดยสายเลือด



