‘ไชยชนก ชิดชอบ’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และเลขาธิการพรรคพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่าให้รอดูสัญญาณวันที่ 12 ธ.ค. ว่า
"ในมุมมองส่วนตัวหากเราทำทุกอย่างเสร็จสิ้นภายใต้ MOA การคืนอำนาจให้กับประชาชนเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการอยู่แล้ว ถ้าทำเสร็จคิดว่าน่าจะเป็นในมุมมองนั้นมากกว่า แต่โดยรวมสถานการณ์ปัจจุบัน เราก็ต้องเร่งทำทุกอย่างแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้ก่อน"
เมื่อถามว่ามีคนตีความว่าอาจจะเป็นการยุบสภา ก่อนจะถึงวันที่ 31 ม.ค. 69 ไชยชนก ถามกลับว่า เพราะอะไร หากเป็นเรื่องการขู่อภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคเพื่อไทย คิดว่าเราพร้อมอภิปราย ส่วนตัวไม่มีอะไรกังวลต่อการซักฟอก และเชื่อว่านายกรัฐมนตรีก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล ฉะนั้น การที่นายกรัฐมนตรีประกาศด้วยเหตุผลนั้น คิดว่าไม่ใช่ เพราะท้ายที่สุดอำนาจอยู่ที่นายกรัฐมนตรี
ส่วนจะเป็นไปได้สูงที่จะยุบสภาวันที่ 31 ม.ค. 69 ตามกรอบ MOA หรือไม่นั้น เป็นไปได้ทั้งหมด แต่ถ้าจะยกส่วนตัวเชื่อว่าเราต้องมั่นใจว่าทำตามกรอบ MOA และอยากคืนอำนาจให้กับประชาชนชน
นอกจากนี้ ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ ที่ประสบปัญหาอุทกภัย ว่า ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว ปัจจุบันโอเปอเรเตอร์กำลังเร่งขับเคลื่อนอุปกรณ์ที่ตนเองมีจัดเตรียมสัญญาณ ต้องบอกว่าแก้ปัญหา เพราะในพื้นที่ต้องปิดระบบไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยของประชาชน รถที่เป็นสัญญาณเคลื่อนที่ที่ส่งไปก็ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ยังมีข้อจำกัดอยู่ ทำได้สิ่งที่พอจะทำได้เป็นหย่อมๆ คือ อุปกรณ์ที่เป็นดาวเทียม มีรัศมีอยู่ที่ 50 เมตร แต่ทั้งหมดได้สั่งการในพื้นที่แล้ว พยายามทำอย่างเต็มที่ ตราบใดที่ปริมาณน้ำอย่างสูงแบบนี้ เรายังไม่สามารถเข้าไปถึงจุดได้แล้วตราบใดที่ยังไม่สามารถส่งไฟฟ้าเข้าไป ก็ยากที่จะจัดเตรียมสัญญาณ
เมื่อถามว่าได้รวบรวมสัญญาณไว้หรือไม่ ว่ามีคนอยู่ในจุดใดบ้าง ไชยชนก กล่าวว่า ตอนนี้กำลังให้วิเคราะห์อยู่ แต่จริงๆ แทบจะไม่มีข้อมูลเลย ปัญหาที่ตามมาไม่ใช่แค่เรื่องสัญญาณ เมื่อไฟฟ้าไปไม่ถึง ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ก็ไม่สามารถชาร์จโทรศัพท์ได้ ไม่สามารถใช้อุปกรณ์ตัวเองได้ ตอนนี้อยู่ในกระบวนการที่ให้หน่วยงาน เร่งนำอุปกรณ์ชาร์จที่ใช้โซล่าเซลล์ไปให้มากที่สุด ยอมรับว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ทำได้เท่านี้จริงๆ และกำลังเร่งหาวิธีอยู่
ส่วนขณะที่มีคนร้องขอความช่วยเหลือบนโซเชียลมีเดีย มีการมอนิเตอร์เชิงรุกหรือไม่นั้น เชื่อว่านายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ และเป็นประเด็นที่คงจะมีการพูดคุยในการประชุมวันนี้ ยืนยันว่ากำลังทำอย่างเต็มที่กับสถานการณ์ที่เกิด
กรณีกรมอุตุนิยมวิทยามีการแจ้งเตือนเฝ้าระวังเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่นั้น ยืนยันว่าจริงๆ แจ้งมาตลอด โดยได้แจ้งกับสื่อมวลชนหลายที่ว่าช่วงปลายปีจะหนักในพื้นที่ภาคใต้ และมีโอกาสที่จะยาวไปจนถึงต้นปี หนักกว่าที่เคยเจอมา แต่ยังคาดการณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ว่าผลกระทบที่จะทำให้หนักมากหรือไม่หนักมากมีหลายปัจจัย ตอนนี้มีประกาศออกมาจาก COP 30 เรื่องโลกร้อน ว่าจะหนักขึ้นน้ำแข็งละลายเร็วเป็นพิเศษ ทำให้น้ำทะเลหนุนขึ้น รวมกับพายุต่างๆที่เข้ามาเราคาดการณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและจะแจ้งเป็นระยะ แต่จะประมาณการร้อยเปอร์เซ็นต์ได้หรือไม่นั้น ต้องติดตาม
เมื่อถามว่า ขณะเดียวกัน 2-3 วันนี้ ประเมินสถานการณ์ไว้ว่าอย่างไรบ้างนั้น ไชยชนก ขอไปวิเคราะห์อีกครั้ง แล้วแชร์อีกที ไม่กล้าฟันธง แต่แม้ว่าจะดีขึ้นอย่างไร ก็ไม่ดีขึ้นในระดับพี่น้องประชาชนจะปลอดภัยอยู่ในบ้านของตนเองอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีสัญญาณเตือนภัยรอบนี้อาจมีการเตือนบ้าง แต่อาจจะยังไม่ครอบคลุม และอาจจะไม่ได้ผลในเรื่องของการอพยพ เรื่องนี้เป็นอำนาจการตัดสินใจของฝั่งปภ. แต่ในเรื่องของการแจ้งเตือนการใช้เซลล์บอร์ดคาสท์ มีปัญหาหนึ่งที่เราพยายามแก้ไข ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโทรศัพท์มือถือ รับการแจ้งเตือนได้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการสั่งการและดำเนินการเซ็ตระบบ จริงๆ มีระบบกึ่งแมนนวล กึ่งอนาล็อก ผ่านระบบบล็อกโทรศัพท์ ว่าหากมีการแจ้งเตือนผ่าน ปภ. นอกเหนือจากการแจ้งผ่านเซลล์บอร์ดคาส ควรมีการกระจายลงไปในท้องถิ่นด้วย แต่เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเกินความคาดหมาย ยังไงก็ต้องมีผลกระทบ
เมื่อถามถึงกรณี การประสานช่วยเหลือสำหรับกลุ่มผู้ป่วยและกลุ่มเปราะบาง ไชยชนก กล่าวว่า มีโปรเจ็กหนึ่ง ที่ตนเองขับเคลื่อนร่วมกับ DGA เป็นการรวบรวมฐานข้อมูล ระหว่างหลาย ๆ ที่ที่มีผู้ป่วยติดเตียงอยู่ มีตรงไหนที่เสี่ยงต่อน้ำท่วม จริงๆ ตั้งใจทำเพื่อการเยียวยาอย่างแม่นยำ แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ ต่อการดูว่ามีตรงไหน ที่เป็นจุดเสี่ยงที่ยังติดต่อไม่ได้ ซึ่งคงต้องมีการประชุมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อใช้ข้อมูลเหล่านี้


