ในการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มี ‘วันมูหะมัดนอร์ มะทา’ ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย บรรยากาศในห้องการประชุม เกิดความปั่นป่วนขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อ ‘นพ.วาโยอัศวรุ่งเรือง’ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) พยายามอภิปรายเรื่องกระบวนการ ‘ฮั้ว สว.’ โดยมีการลงรายละเอียดพฤติกรรมและขั้นตอนในกระบวนการตั้งแต่การใส่เสื้อเหลือง เนคไทเหลือง การมีโพยเหมือนกันและความผิดปกติของคะแนน
ทำให้สว.หลายคน อาทิ ‘พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์’ และ ‘พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย’ พากันลุกขึ้นประท้วง ระบุว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการอภิปรายนโยบายของรัฐบาล และเป็นเรื่องที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมไม่สมควรนำมาชี้นำ ซึ่ง ‘วันมูหะมัดนอร์’ วินิจฉัยว่า ไม่ควรไปลงรายละเอียด เพราะเรื่องยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ทำให้สส.พรรคปชน. ไม่พอใจ ลุกขึ้นประท้วง

อาทิ ‘ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์’ สส.กทม. ที่ยืนยันว่าสิ่งที่นพ.วาโยอภิปรายเป็นการพูดถึงนโยบายที่ไม่ปฏิบัติตามหลักนิติรัฐนิติธรรม และยังไม่ได้พาดพิงไปถึงสว.คนไหน แค่บอกว่า สิ่งใดที่นพ.วาโยพาดพิงคือเนกไทเหลือง ใครจะร้อนคอก็แล้วแต่ แต่วันนี้เราต้องเดินหน้าต่อ
ขณะที่ ‘ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล’ สส.บัญชีรายชื่อ ยืนยันว่า ต้องอภิปรายลงไปในรายละเอียดเพราะเรื่องนี้มีรายละเอียดมาก ท้ายที่สุดวันมูหะมัดนอร์ อนุญาตให้นพ.วาโยอภิปรายต่อได้ แต่อย่าลงลึกในรายละเอียดมากเกินไปไม่เช่นนั้นจะเกิดการประท้วงไม่สิ้นสุด แต่ปรากฎว่านพ.วาโยยังอภิปรายลงลึกในรายละเอียดเรื่องกระบวนการฮั้วสว. ทำให้สว.ไม่พอใจประท้วงกันอีกรอบ บรรยากาศจึงเริ่มตึงเครียด

จน ‘ประเทือง มนตรี’ สว. อภิปรายเสียงดังด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า จะอภิปรายสว.หรือนโยบายรัฐบาล ตอบมาเดี๋ยวได้เจอกัน ทำให้สส.พรรคปชน. รุมประท้วงขอให้ประเทืองถอนคำพูด ซึ่งประเทืองยังไม่ยอมถอนคำพูดบอกว่าจะให้ถอนเรื่องอะไร ทำให้ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า จะไม่ถอนพฤติกรรมข่มขู่เพื่อนสมาชิกใช่หรือไม่ ถ้าไม่ถอนก็ให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน
วันมูหะมัดนอร์ จึงวินิจฉัยให้นายประเทืองถอนคำพูด หากไม่ถอนก็จะไม่อนุญาตให้อยู่ในห้องประชุม นายประเทืองจึงยอมถอนคำพูด และให้นพ.วาโยอภิปรายต่อ โดยเตือนว่าหากยังฝ่าฝืน อภิปรายลงลึกใยรายละเอียดก็จะไม่อนุญาตให้พูดอีก เพราะถือว่าไม่เคารพในสิ่งที่ประธานพูด จะให้โอกาสอีกครั้ง

ในที่สุดนพ.วาโยตัดบทสรุปว่า การมีโพยเลือกสว.ไม่ใช่เรื่องผิด หากมาด้วยอุดมการณ์เดียวกัน แต่ถ้ามีผลประโยชน์และการจ้างวานกัน มีเส้นทางการเงินถือเป็นเรื่องผิด เชื่อว่าดีเอสไอมีหลักฐานแล้ว จึงฝากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปดูแลให้เกิดความมั่นใจว่านายกรัฐมนตรีและครม. จะปฏิบัติตามนโยบายเรื่องนิติรัฐนิติธรรมจริงๆ เพราะตอนนี้เรายังไม่ได้รับคำมั่นสัญญา