Photo Story : ‘ฝ่านค้าน’ เปิดเกมอัด ‘รบ.หนู’ เสียงข้างน้อย ในศึกแถลงนโยบาย

29 ก.ย. 2568 - 05:55

  • ‘ณัฐพงษ์’ ชี้รัฐธรรมนูญเก่าคือเครื่องยนต์พัง ฉุดประเทศติดหล่ม ขอยกร่างใหม่ยึดโยงประชาชน

  • ด้าน ‘ชลน่าน’ ซัดรัฐบาลเฉพาะกิจหวังสร้างฐานอำนาจ เสี่ยงพาประเทศเจอ ‘4 หายนะ’

  • ขณะที่ ‘อนุทิน’ สวนกลับ มั่นใจครม.36 ชีวิตทำได้จริง ย้ำไร้ขัดแย้ง เดินหน้าทำงานเพื่อประเทศชาติ

Photo Story : ‘ฝ่านค้าน’ เปิดเกมอัด ‘รบ.หนู’ เสียงข้างน้อย ในศึกแถลงนโยบาย

บรรยากาศการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มี ‘วันมูหะมัดนอร์ มะทา’ ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธาน เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดย ‘ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ' สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ได้ลุกอภิปรายว่า วันนี้เป็นหมุดหมายแรกของรัฐบาลที่เข้าทำงานอย่างเป็นทางการภายใต้กรอบเวลา 4 เดือน และถือเป็นจุดเริ่มต้นของพรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้าน เพื่อนับถอยหลังสู่การยุบสภาและจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ พร้อมชวนสมาชิกรัฐสภาย้อนนึกถึงวันที่ได้ใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งแรก และทบทวนว่า ในชีวิตการเมืองไทยไม่เคยผ่านพ้นการรัฐประหารเลยสักยุค 

Anutin-the-Prime-Minister-delivered-a-policy-statement-to-the- -Parliament-1-SPACEBAR-Photo01.jpg

ณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่ว่าคนรุ่นไหน ต่างล้วนเจอการรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้นายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งถูกปลด พรรคการเมืองถูกยุบ และการเลือกตั้งล้มไปหลายครั้ง แสดงให้เห็นว่าไทยไม่เคยมีประชาธิปไตยเต็มใบที่มั่นคง ตอกย้ำความจำเป็นต้องจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ที่ยึดโยงกับประชาชน พร้อมยังวิจารณ์ การเติบโตทางเศรษฐกิจไทยที่ผ่านมาเกิดจากแรงหนุนภายนอก ไม่ใช่ผลจากการเมืองประชาธิปไตยในประเทศ ขณะที่ปัจจุบันไทยอ่อนแอทั้งเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และการศึกษา 

 “รัฐธรรมนูญและระบบการเมืองแบบนี้หรือ ที่จะพาประเทศไทยพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้ ในขณะที่รถยนต์ที่ชื่อว่าเศรษฐกิจโลกกำลังวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว รถยนต์ที่ชื่อว่าเศรษฐกิจไทยกลับวิ่งช้าตามไม่ทันแล้วเหมือนติดหล่มอยู่กับที่ เพราะเครื่องยนต์หรือระบบการเมืองภายในประเทศกำลังฉุดรั้งรถคันนี้เอาไว้อยู่ ถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องมายกเครื่อง เครื่องยนต์นี้ใหม่ให้เราเดินหน้าได้อย่างเต็มกำลัง ถ้าพวกเรามีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คำถามก็คือทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญที่ยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด เพราะเราต้องการรัฐบาลที่มีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพและมีความชอบธรรม ยึดโยงกับพ่อแม่พี่น้องของประชาชน บรรดา ครม. ถูกแต่งตั้งมาจากผู้ที่มีความรู้ความสามารถไม่ได้มาจากเพียงแค่การจัดสรรโควตาหรือการต่อรอง แบ่งผลประโยชน์กันทางการเมือง เราต้องการรัฐบาลที่มีความชอบธรรม สะท้อนเจตจำนงของประชาชน กล้าที่จะปฏิรูปเชิงโครงสร้าง เพื่อกำหนดอนาคตของประเทศ วางยุทธศาสตร์ชาติที่ปรับเปลี่ยนได้ไปตามโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้ติดล็อกอยู่กับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่คสช.เป็นคนเขียนมา”

ณัฐพงษ์ กล่าว 

พร้อมย้ำว่าพรรคประชาชนยอมโหวตให้ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ เป็นนายกฯ ภายใต้ข้อตกลง MOA เพื่อเปิดทางสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เพื่อหนุนการใช้อำนาจมิชอบ ยันตั้งใจตรวจสอบรัฐบาลไม่ให้ใช้อำนาจเพื่อปกป้องการทุจริตหรือบุคคลที่มีประพฤติไม่เหมาะสม 

Anutin-the-Prime-Minister-delivered-a-policy-statement-to-the- -Parliament-1-SPACEBAR-Photo02.jpg

ขณะที่ ‘ชลน่าน ศรีแก้ว’ สส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า รัฐบาลชุดนี้เป็น ‘รัฐบาลเฉพาะกิจ’ ภายใต้ข้อจำกัดของการเป็นเสียงข้างน้อย มีภารกิจเพียงตามบทเฉพาะกาล ไม่ควรถูกสร้างเป็นประเพณีในระบบรัฐสภาไทย พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าใน MOA มีการระบุเรื่องยุบสภาและประชามติ แต่ไม่เห็นชัดเจนว่าจะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จริงหรือไม่ 

รัฐบาลอาจใช้ 4 เดือนนี้สร้างคะแนนนิยมเพื่อชนะเลือกตั้งที่จะจัดขึ้นใน มี.ค. 2569 โดยจัด ครม.จากคนนอกภาพลักษณ์ดีและคนในพื้นที่เพื่อเก็บคะแนนเสียง แม้ไม่ผิดแต่เป็นกลไกสร้างฐานอำนาจ พร้อมเตือนว่านโยบายที่ทำไม่ได้อาจกลายเป็น ‘4 เดือนแห่งการยุบคดี’ และนำไปสู่ ‘4 หายนะ’ คือ หายนะประชาธิปไตย ความโปร่งใส การบริหาร และโอกาสประชาชน 

ชลน่าน เตือนว่า หากการแก้รัฐธรรมนูญในวันที่ 14–15 ต.ค. ได้ ส.ส.ร. ที่มาจากขั้วเดียวกันทั้งหมด จะทำให้ร่างรัฐธรรมนูญเป็น ‘สีน้ำเงิน’ และถูกภาคประชาชนต่อต้านจนไม่ผ่านประชามติ กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญก็จะวนกลับไปสู่ทางตัน พร้อมทิ้งท้ายว่าแม้ยุทธศาสตร์การเมืองของฝ่ายรัฐบาลจะเหนือชั้น แต่ไม่ควรมองข้ามพลังประชาชน 

Anutin-the-Prime-Minister-delivered-a-policy-statement-to-the- -Parliament-1-SPACEBAR-Photo03.jpg

ส่วน ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย  ลุกขึ้นชี้แจง ‘ชลน่าน’ ศรีแก้ว สส.น่าน ที่ตั้งคำถามต่อรัฐบาล ยืนยันสิ่งที่ถูกเขียนในคำแถลงนโยบาย ผ่านการกลั่นกรองมาแล้ว ว่าพวกเราทุกคนต้องทำได้ เพราะวิธีการทำงานนั้น ทำได้เร็วและต้องทำเลย ซึ่งจากคัดสรรบุคคลให้มาเป็นรัฐมนตรี ได้ตรวจสอบแล้วยืนยันว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และประชาชน  

“ทำดีหรือเปล่า คนเราถ้ามาถึงตำแหน่งนายกฯ แล้ว กว่าถึงจุดนี้ได้ ใช้เวลาเป็น 10 ปี ถือโอกาสนี้ทำดีที่สุด เป็นเกียรติประวัติของประเทศ ประชาชน ที่คนที่เป็นนายกฯ ต้องรับผิดชอบ ใน 4 ประเด็นที่บอกไว้ต่อเนื่องถึงการขาดโอกาส ผมว่านี่คือโอกาสที่ดีที่สุดที่รัฐบาลจะได้แสดงผลงาน เพราะรัฐบาลนี้ผมได้ทำความเข้าใจกับรัฐมนตรีทุกคนว่าไม่มีคำว่าคนละพรรค ไม่มีขัดแข้งขัดขา หรือกังวลใดๆ ที่เห็นว่าพรรคไหนทำแล้วได้รับความนิยมจากประชาชนมากกว่า ผมอาจโชคดีที่สั่งสอนให้เป็นคนใจกว้าง อะไรที่เป็นเครือข่ายการทำงาน ที่ผมเกี่ยวข้อง ใครทำอะไรและประสบความสำเร็จเป็นประโยชน์ ผมจะอนุโมทนาสาธุ ชื่นชมและสนับสนุนให้ทุกคนที่ทำงานร่วมกับผมประสบความสำเร็จสูงสุด”

อนุทิน กล่าว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์