อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ ณ กระทรวงมหาดไทย โดยมี ทรงศักดิ์ ทองศรี ,ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ และ ศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงมหาดไทยในช่วงสายวันนี้
โดยเมื่อขบวนรถของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเดินทางมาถึงกระทรวงมหาดไทย อนุทิน ได้ลงจากรถบริเวณประตูสิงห์ แล้วเดินเข้ากระทรวง โดยได้ทักทาย ทรงศักดิ์ ศักดิ์ดา และศศิธร รวมถึง อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทยที่มายืนรอต้อนรับ และได้เดินพบปะทักทายผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตั้งแถวต้อนรับหน้าศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทยจนถึงโถงมุกศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย แล้วรับการแสดงความเคารพจากกองเกียรติยศ กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย

จากนั้น อนุทิน พร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยทั้ง 3 ได้เดินขึ้นบันไดและถวายมาลัยสักการะพระรูปสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดี และเข้าถวายสักการะพระรูปหล่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดี แล้วเดินเข้าสู่ห้องปฏิบัติราชการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมรับการแสดงความยินดีของข้าราชการกระทรวงมหาดไทย นำโดย อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย

อนุทิน ได้เข้าสู่ห้องประชุมราชสีห์ และรับฟังการกล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีพร้อมแนะนำตัวของข้าราชการกระทรวงมหาดไทย แล้วจึงกล่าวพบปะข้าราชการกระทรวงมหาดไทยซึ่งมาพร้อมกันภายในห้องประชุม รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการส่วนภูมิภาค นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ซึ่งรับฟังการถ่ายทอดทางระบบ Video Conference ณ ศาลากลางจังหวัด และที่ว่าการอำเภอ ทั่วประเทศ

อนุทิน กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในครั้งนี้ อนุทิน และรมช.มหาดไทยทั้ง 3 รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ และตั้งใจไว้ว่าจะทำงานสนองพระเดชพระคุณจนสุดความสามารถ มีความยินดี ดีใจ ที่ได้กลับมาพบกับทุกคนในกระทรวงมหาดไทยครั้งนี้ ในช่วงที่พักร้อนไป 2 เดือนกว่า ได้ทราบว่า มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายข้าราชการ หรือความพยายามใช้อำนาจในทางการเมือง เพื่อให้เกิดการกระทำในสิ่งต่างๆ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นถือเป็นเครื่องเตือนใจว่า ความเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ไม่ว่าผู้บริหารระดับสูงใครจะมาใครจะไป ข้าราชการฝ่ายประจำ ควรตั้งมั่นยึดมั่นยึดถือให้ไม่เสื่อมคลายคือการมีความซื่อตรงต่อหน้าที่ การรักษาศักดิ์ศรีของข้าราชการ การคงเส้นคงวา และที่สำคัญคือการรักษาศักดิ์ศรีขององค์กร ศักดิ์ศรีเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อพวกเราทุกคน ปฏิบัติตามภารกิจหน้าที่ ตามกฎหมาย กฎระเบียบ และกระทำการทุกอย่างโดยมีประโยชน์ของประเทศ รัฐบาล กระทรวงมหาดไทย และพี่น้องประชาชาเป็นที่ตั้ง
“ผมภาคภูมิใจที่ได้เห็นว่าท่านทั้งหลายได้ร่วมกันทำงาน ยึดถือสิ่งเหล่านี้ร่วมกันมา สิ่งเดียวที่ผมอยากจะขอท่านคือ ขอให้ท่านได้รักษาหลักการนี้ตลอดไป ขอให้วัฒนธรรมของกระทรวงมหาดไทยในทุกระดับ เป็นวัฒนธรรมแห่งความเป็นมืออาชีพ มีความซื่อสัตย์สุจริต อย่างเคร่งครัด ไม่ต้องเกรงกลัวต่ออำนาจใดๆที่เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง หรือต้องไม่ถูกล่อใจด้วยผลประโยชน์อื่นใดที่ทำให้เจตนารมย์ และอุดมการณ์ของท่านต้องโอนอ่อน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการเช่นพวกท่าน และฝ่าบบริหารอย่างพวกผม เรามีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ ธำรงไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน”
— นายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าว
อนุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายของกระทรวงมหาดไทยในระยะเวลา 4 เดือนข้างหน้านี้ ทุกคนที่ร่วมประชุมครั้งนี้ ก็ยังเป็นบุคคลหน้าเดิม อาจมีเปลี่ยนแปลงบ้างบางตำแหน่ง ก็ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่คุ้นหน้าคุ้นตา มีความสนิทสนม รักใคร่ปรองดองเป็นอย่างดี ที่เคยทำงานร่วมกันมาเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาก็เป็นไปตามนั้น เพียงแต่ขอให้เพิ่มความเร่ง และมีประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ คือปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลชุดนี้มีเจตนารมณ์ชัดเจนที่จะมุ่งรักษาอธิปไตย ไม่มีการเจรจาใดๆ จนกว่าความเป็นภัยของประเทศกัมพูชาจะหมดไปต่อประเทศไทย เรื่องการเปิดด่านทั้งถาวร ชั่วคราว จะไม่มีวันเกิดขึ้น จนกว่าการเจรจาที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและประชาชนชาวไทยได้เป็นที่ยอมรับ เป็นที่พึงพอใจของประชาชนคนไทยทุกคน พวกเราทุกคนต้องใช้ช่วงเวลานี้ในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง อดทน สนับสนุน เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ขอให้ฝ่ายปกครอง ทำหน้าที่เป็นกำลังสนับสนุนกองทัพที่เขาทำหน้าที่ในสมรภูมิชายแดนป้องกันอธิปไตยโดยไม่ต้องกังวลแนวหลัง ฝ่ายปกครองต้องทำหน้าที่รักษาเยียวยาจิตใจ ดูแลให้ความสะดวก และปกป้องภัยอันตรายให้ประชาชนในแนวหลัง

“เราอาจจะมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เราคาดการณ์ไม่ได้ ถ้ามันเกิดขึ้น ขอให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยสั่งการตามอำนาจที่มี รวมถึงอธิบดีกรมการปกครอง ผู้ว่าฯ รวมถึงผู้ต้องดูแลสารทุกข์สุกดิบของประชาชนได้มีความพร้อมดูแลให้ความปลอดภัยประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแนวชายแดนทั้ง 7 จังหวัดที่เชื่อมต่อกับกัมพูชา ส่วนนโยบายอื่นๆ เราได้ปฏิบัติกันอยู่แล้ว ผมต้องขอชื่อชม เมื่อใดก็ตามที่ประเทศมีภัย กระทรวงมหาดไทยคือคนแรกที่ไปถึงประชาชนได้เห็นการปฏิบัติงานด้วยความวิริยะอุตสาหะของข้าราชการทุกท่าน รวมถึงผู้ว่าฯ กทม.ที่ได้ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจสติปัญญา ความสามารถทุกอย่างเพื่อแก้ไขปัญหารุมเร้าประเทศ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของท่าน ปัญหาเหล่านี้ล้วนแต่มีความเกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย ทั้งความมั่นคง ชายแดน ยาเสพติด และภัยพิบัติ ผมได้ประกาศไปว่าคณะรัฐมนตรีชุดนี้จะทำงานโดยไม่มีวันหยุด ผมไม่ได้คาดหวังสิ่งเดียวกันจากท่าน แต่ขอให้ได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เพราะสมัยที่ผมได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับท่าน ก็เห็นว่ามีความมุมานะ ไม่ว่าวันนั้นจะเป็นวันหยุดหรือวันทำงาน ขอให้สิ่งเหล่านี้กลับมาบังเกิดขึ้นอีกต่อไป เพื่อประโยชน์ของประชาชน จิตวิญญาณของเราคือการให้ความสำคัญ อยากให้ความสำคัญกับงานบำบัดทุกข์บำรุงสุข ทำให้ประชาชนมีความสมบูรณ์พูนสุข ด้วยความทันสมัยทันโลก และทันเหตุการณ์ทันท่วงที”
— อนุทิน กล่าว
อนุทิน กล่าวอีกว่า เราไม่ได้มาพบกันเป็นครั้งแรก หากวันนั้นไม่ได้ออกไป วันนี้คงไม่ได้กลับมา เรามีภารกิจที่ห่างเหินกันไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ขอให้ความรักความผูกพัน ไม่ใช่เหมือนเดิม แต่ขอให้เน้นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ศึกษาวิธีการทำงาน และความเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี รักษาความสัมพันธ์ และสายใย ให้ความสำคัญ กับความผูกพันที่เรามีต่อกันตลอดเวลา เพื่อที่เราจะปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันด้วยความไว้วางใจความจริงใจ เพื่อประชาชน สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาสูงสุดของพวกเรา ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้าจะมีการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ในวันที่ 29-30 ก.ย.นี้เพื่อที่คณะรัฐมนตรีทุกคนจะได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสมบูรณ์ ทางกระทรวงมหาดไทย จัดเตรียมความพร้อมในเรื่องข้อมูลต่างๆ หากมีข้อสงสัยจากสมาชิกรัฐสภา ทุกคนก็เหมือนเดิม เป็นสส.ด้วยในอีกสถานะหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ได้เป็นสส. ก็มีพื้นที่รับผิดชอบ ที่รัฐมนตรีแต่ละคนจะต้องไปรับผิดชอบในนามของรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย จึงขอให้ทุกคนให้ความสำคัญ

“ทุกอย่างไม่มีอะไรค้างคาใจกัน ไม่มีอะไรที่จะมาทักท้วง หรือว่ามาทวงสัญญาอะไรกัน ขอให้มองไปข้างหน้า ไม่ต้องมองไปข้างหลัง ขออนุญาตนำท่อนหนึ่งของเพลงเต๋อ เรวัต มอบให้กับทุกคนคือที่แล้วก็แล้วไป ไม่ตะขิดตะขวงใจ ถึงอย่างไรก็จริงใจต่อกัน”
— นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้ามาดำรงตำแหน่งของอนุทิน นายกฯ ที่มาเป็นรมว.มหาดไทยครั้งนี้ ถือเป็นสมัยที่ 3 ของอนุทิน และทำเนียบผู้ดำรงตำแหน่งรมว.มหาดไทยคนที่ 68 หลังจากที่ดำรงตำแหน่งในสมัยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งตรงกับทะเบียนรถที่ย้ายเทพนรสิงห์ออกจากอาคารแสงอาทิตย์ไปยังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล