‘นายกฯ’ ขอพรวัย 59 ปี ให้ประเทศชาติสงบสุข

13 ก.ย. 2568 - 10:43

  • ‘นายกฯ’ เข้าพรรคภท. ขอพรวัย 59 ปี ให้ประเทศชาติสงบสุข ประชาชนอยู่ดีกินดี ขณะที่ ทีมอบจ.สงขลา ขนทัพ 20 สจ. ยื่นสมัครสมาชิกพรรค กับมือ ด้าน ‘นิพนธ์’ กระซิบข้างหู ส่งโค้ดลับ 4+4 อวยพรนั่งนายกฯ 4 เดือน + 4 ปี พร้อมยอมรับ มี รมช.กลาโหม ขอให้รออีกนิด รมว.ยุติธรรมเป็นใคร ก่อน หัวเราะหลังสื่อจี้ถามเป็นอดีตตำรวจหรือไม่ ชี้ ทุกคนต้องมีความสัมพันธ์กันหมด ปมเชื่อมโยงบุรีรัมย์

  • ยันชัด ไม่มีเปิดด่านตอนนี้ ชี้ ต้องฟังเสียงประชาชน ไม่ปิดโอกาสเจอหน้า ‘ฮุน มาเนต’ หวัง ได้ข้อสรุปบางเรื่อง แต่ไม่ได้ยอมให้ไทยเสียเปรียบ ลั่น “ลงพื้นที่แน่ ที่ผ่านมาขยันลงจนโดนไล่ออก” เตรียมนโยบายเร่งด่วนไว้แถลงต่อสภาแล้ว แก้ปัญหาชายแดนกัมพูชา-คนละครึ่ง ไม่กดดัน ทำงานใต้ MOA ปชน. ลั่น ผลงานเป็นรูปธรรมแน่ เหน็บเพื่อไทย ไม่ฟังพรรคร่วมฯ เลยทำงานมีปัญหา

  • ลั่น ตั้งใจจริงแก้รธน. ดึง ‘บวรศักดิ์’ ช่วยงาน มั่นใจประชามติครั้งแรกทันกรอบ 4 เดือน

‘นายกฯ’ ขอพรวัย 59 ปี ให้ประเทศชาติสงบสุข

อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย เพื่อเข้าร่วมประชุมกับแกนนำพรรคภูมิใจไทย และว่าที่รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เพื่อวางนโยบายของคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่จะแถลงต่อรัฐสภาต่อไป

ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา บรรดาบุคคลสำคัญในแวดวงการเมืองและภาคเอกชนยังคงทยอยส่งดอกไม้อวยพรวันคล้ายวันเกิดอนุทิน อายุครบ 59 ปี

anutin-bhumjaithai-13sep25-SPACEBAR-Photo04.jpg

โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 59 ปีว่า ขอให้ประเทศชาติสงบสุข เจริญก้าวหน้า ประชาชนสามัคคี อยู่ดีกินดี ซึ่งเป็นคำขอมาโดยตลอด ไม่ใช่เพียงปีนี้เท่านั้น

สำหรับปีนี้ ซึ่งเป็นปีครบรอบ 59 ปี อนุทิน กล่าวว่า คงแตกต่างจากทุกปี เพราะต้องทำงานหนักขึ้นหลายเท่าตัว แต่ก็จะทำอย่างเต็มที่ อย่างน้อยได้บอกไปแล้วว่า ไม่มีวันหยุด ก็ต้องไม่มีวันหยุดจริงๆ

จากนั้น นิพนธ์ บุญญามณี ได้นำดอกไม้มาอวยพรอนุทิน พร้อมกระซิบอวยพรว่า “4+4 นะครับ”

anutin-bhumjaithai-13sep25-SPACEBAR-Photo01.jpg

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 4+4 เป็นโค้ดที่อาจหมายถึงการเป็นรัฐบาล 4 เดือน ที่จะอยู่ต่อไปอีก 4 ปี

นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีโผคณะรัฐมนตรี(ครม.) จะสามารถนำขึ้นทูลเกล้าได้เมื่อไหร่นั้นว่า คาดว่า เร็วๆ นี้ ซึ่งตอนนี้รายชื่อนำส่งไปประกอบและบางส่วนทยอยส่งกลับมาแล้ว ซึ่งการตรวจสอบต้องการทำให้เกิดความชัดเจน และไม่มีปัญหา โดยต้องส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า รายชื่อที่ส่งไปไม่มีปัญหา

anutin-bhumjaithai-13sep25-SPACEBAR-Photo05.jpg

ส่วนมีความกังวลในการเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ อนุทิน กล่าวว่า ไม่มี ทุกอย่างเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่ตั้งไว้ ซึ่งก็เร่งถามไปที่เลขาคณะรัฐมนตรี และรัฐบาลที่ผ่านมา ได้สอบถามไปว่า หลังจากมีการประกาศโปรดเกล้าฯ นายกรัฐมนตรีใช้เวลาเท่าไหร่ ในการแถลงชื่อคณะรัฐมนตรีเลขาธิการครม.ก็ได้ตอบกลับมาว่า “นี่ก็เร็วแล้ว” ซึ่งต้องยอมรับว่า ระยะภายหลังต้องมีการอิงในเรื่องคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยเรื่องของจริยธรรม เราจึงต้องสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้มีอะไรขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ส่วนตอนนี้ชื่อของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมลงตัวแล้วหรือไม่ เพราะรัฐมนตรีคนอื่นมีการเปิดเผยชื่อออกมาหมดแล้ว อนุทิน กล่าวว่า เดี๋ยวขอรอให้ทุกอย่างเรียบร้อย ย้ำว่าเปิดเผยหมดทุกอย่าง ซึ่งตอนนี้ส่วนใหญ่ลงตัวหมดแล้ว และในส่วนรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม อนุทิน ระบุว่า มีความจำเป็น แต่ส่วนจะเป็นใครขอให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน

ส่วนที่พรรคประชาชนมีการตั้งคำถามว่า ชื่อของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีความสัมพันธ์กับทางจังหวัดบุรีรัมย์ อนุทินย้อนถามกลับว่า และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนปัจจุบัน มีความสัมพันธ์กับใครบ้างหรือเปล่า ก่อนย้ำว่าทุกคนก็มีความสำคัญ และความสัมพันธ์กันหมด ซึ่งต้องมีความรู้จักกันบ้าง รู้หน้าค่าตากัน

anutin-bhumjaithai-13sep25-SPACEBAR-Photo02.jpg

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นอดีตตำรวจ อนุทินไม่ตอบ ก่อนจะหัวเราะได้เดินออกจากวงสัมภาษณ์ ก่อนจะหันมาพูดอีกว่า คนปัจจุบันเป็น ก่อนจะไม่ตอบว่าคนถัดไปเป็นหรือไม่

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสคัดค้านเรื่องการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ยังไม่เปิด เรารอฟังเสียงพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว ซึ่งคำว่า เปิดด่านจะต้องมีการทำข้อตกลงต่างๆ มากมาย ทั้งการเจรจา และทางการทหาร โดยจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยก่อน คือ ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน และความปลอดภัยของประเทศ ซึ่งจะต้องไม่มีการยิงกัน หรือมีอาวุธมาจ่อกัน

อนุทิน กล่าวต่อว่า เมื่อเราเข้าไปบริหารประเทศแล้ว ก็จะให้ข้อสั่งการหรือนโบบายให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลชุดใหม่ได้ไปดำเนินการ ทั้งการถอนอาวุธ และกับระเบิด เพื่อการสร้างความมั่นใจว่าเกิดความปลอดภัยกับผู้คนทั้งสองประเทศ ฉะนั้น กว่าเราจะไปถึงจุดนั้นยังอีกไกล แต่เราก็ต้องไปถึงจุดนั้น จะให้เราทะเลาะกับเพื่อนบ้านชั่วกัลปาวสานคงเป็นไปไม่ได้ และการจะใช้มาตรการรุนแรง โดยไม่มีการเจรจาเลย ซึ่งเมื่อถึงเวลาต่างคนต่างถือทิฏฐินั้น การเจรจาก็ไม่ไปถึงไหน จึงต้องใช้ทั้งศาสตร์ทั้งศิลป์ การพูดการทหาร การผ่อนคลาย และการกดดันต่างๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีโอกาสจะได้เห็นนายกฯ ไทยกัมพูชาเจอกันหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า การเจอกันไม่ได้หมายความว่า ต้องยอมกันหรือไม่ เพราะการเจอกันก็จะทำอาจทำให้บรรยากาศหลายอย่างหรือสิ่งที่พูดแล้วไม่เข้าใจกัน หาข้อสรุปบางอย่างได้ แต่สิ่งสำคัญคือ เราจะไม่ยอมให้ประเทศไทยเสียเปรียบในความเป็นนายกฯ ของไทย โดยเรื่องเสียดินแดนไม่ต้องมาพูดอยู่แล้ว เรื่องที่จะทำให้คนไทยเป็นอันตราย ก็จะไม่ให้เกิดขึ้น

“เป็นนายกฯ ประเทศไทยนะครับ ไม่ใช่นายกฯ ประเทศอื่น เพราะฉะนั้นต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทย ของคนไทย เป็นประเด็นหลักอยู่แล้ว”

อนุทิน กล่าว

ส่วนจะลงไปรับฟังเสียงของประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการเปิดด่านใช่หรือไม่ อนุทิน ร้องโถ่ พร้อมกล่าวว่า “เรื่องลงพื้นที่ มีใครสู้ผมได้ล่ะ” ซึ่งก็ลงพื้นที่มาตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จนเขาเชิญออกจำไม่ได้หรือ “ขยันจนถูกไล่ออก”

ทั้งนี้ จะทันในระยะเวลา 4 เดือนหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า เรามีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน ฉะนั้นตราบใดที่เรายังอยู่ในขอบเขตอำนาจที่เรามี เราก็ต้องใช้อย่างเต็มที่ไม่อยู่ในจุดนี้แน่นอน แต่จะใช้ได้ขนาดไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์

นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับว่าที่รัฐมนตรี เพื่อเตรียมจัดทำคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่า เป็นการประชุมเพื่อจัดทำร่างนโยบายของรัฐรัฐบาล ใน MOA การยุบสภาคือ 4 เดือนหลังจากแถลงนโยบาย ฉะนั้นเราต้องการให้ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความรวดเร็ว ทำนโยบายเตรียมพร้อมไว้ทันทีไม่ใช่เข้ามาแล้วไม่ทำนโยบาย เข้ามาปุ๊บมีนโยบายเตรียมพร้อม ทำหนังสือขอให้ประธานรัฐสภาเปิดประชุมเพื่อแถลงนโยบายและยุบสภาโดยเร็ว

สำหรับนโยบายเร่งด่วนใน 4 เดือน อนุทิน ระบุว่า ขอให้ทำนโยบายเรียบร้อยก่อน เตรียมไว้หมดแล้ว ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ได้พูดเอาไว้ เช่น การการแก้ไขสถานการณ์ไทย-กัมพูชา การทำประชามติเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ โครงการคนละครึ่งก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่ง

ทั้งนี้ การทำงานในช่วงระยะเวลา 4 เดือน ที่เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ นั้น เรามีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน ตราบใดที่เรายังอยู่ในขอบเขตอำนาจที่มีอยู่ เราต้องใช้อย่างเต็มที่ แต่จะได้ถึงระดับไหน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ โดยเฉพาะปัญหาชายแดน แต่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การนำสิ่งที่ประชาชนคาดหวังมาปัดฝุ่น เช่นโครงการคนละครึ่ง คุยไปคุยมาบอกว่าเอา ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่เป็นไรเพราะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน แต่คุยไปคุยมาว่าที่รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังก็บอกว่าถ้าจะขยับสิ่งเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์เพิ่มมากขึ้น มันจะมีเรื่องที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ แต่โดยรวมประชาชนและประเทศชาติได้ประโยชน์ ถ้าเราเน้นกลุ่มคนที่อยู่ในระบบภาษี จะทำให้คนเข้ามามีส่วนร่วมในการเสียภาษีและทำให้ประเทศมีรายได้เพิ่ม

ส่วนใน 4 เดือนนี้การันตีผลงานรูปธรรมแน่นอนใช่หรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า ผลงานการทำงานที่ผ่านมาก็มีผลงานเรื่อยๆ  ส่วน MOA จะทำให้มีความกดดันในการทำงานหรือไม่นั้น MOA แปลว่าอะไร ใครไปเรียกก็ไม่รู้ จริงๆ ไม่มี MOA ขยายมาจาก MOU แปลว่า Memorandum of Understanding คือการทำความเข้าใจ ต้องมีการจดบันทึก แต่ MOA แปลว่าข้อตกลง Agreement ไม่ต้องมี MO มีแต่ A

anutin-bhumjaithai-13sep25-SPACEBAR-Photo03.jpg

ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่าข้อตกลงสามารถผ่อนปรนได้หรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า เราทำตามให้มากที่สุด ง่ายดี ไม่ต้องเถียงกับใคร อย่างน้อยก็ทำตามข้อ 4 และ 5 ไม่พยายามทำตัวเป็นเสียงข้างมาก และไม่คิดจะทำอยู่แล้ว รับสภาพรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งคนที่เซ็นกับเรา ต่างคนก็ต่างรักษาสัญญา ทำให้รัฐบาลนี้เดินไปสู่วันที่ยุบสภาโดยเร็ว ตามข้อตกลงระบุว่า เริ่มนับ 4 เดือน หลังการแถลงนโยบาย ถ้ารอกระบวนการทูลเกล้าฯ และถวายสัตย์ปฏิญาณ 6 สัปดาห์ แล้วแถลงนโยบายแปลว่า เจตนารมณ์เราไม่ดี จึงทำเรื่องเสนอทูลเกล้าฯ เลยและร่างนโยบายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะนี้ทำกรอบใหญ่ก่อน และให้พรรคร่วมรัฐบาลอื่นมารับทราบด้วย ไม่ใช่ยัดเยียดเหมือนที่ผ่านมา เพราะพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีปากมีเสียงเลย เป็นนโยบายของพรรคแกนนำอย่างเดียวเลยมีปัญหาทำงานไม่มีความสามัคคี ดังนั้นตอนนี้เรามีเวลาน้อย และมีเจตนารมณ์ร่วมกัน ก็เป็นไปตามนั้น

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรอบระยะเวลาทำงาน 4 เดือน จะทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญทันหรือไม่ว่า ตามระบบทันอยู่แล้ว แต่ต้องปรึกษาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วย เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งเนื่องจากมีการยุบสภา ซึ่งหากทำประชามติให้ทันพร้อมยุบสภาจะทำให้ประหยัดงบประมาณด้วย และพอเป็นประชามติ รัฐบาลต่อไปเข้ามาก็จะใช้อ้างอิงเพื่อสามารถดำเนินเรื่องต่อไปได้

เมื่อถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้ประชาชนแก้รัฐธรรมนูญได้โดยตรง อนุทิน กล่าวว่า อย่าพึ่งลงรายละเอียด ซึ่งได้เชิญบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ มาช่วยทำงาน แสดงให้เห็นว่า ไม่ได้พูดไปอย่างนั้น แต่ตั้งใจเชิญนักกฎหมาย และผู้เชี่ยวชาญด้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาช่วยทำงานในรัฐบาล

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์