ข่าวร้อนวงการโซเชียลมีเดียไทยเมื่อล่าสุดยูทูบเบอร์ที่มีชื่อว่า PEACHII ได้ไปรับประทานอาหารที่ร้านเจ๊ไฝ ร้านอาหารชื่อดังระดับมิชลิน แต่ถูกเรียกเก็บเงินค่าไข่เจียวปูในราคา 4,000 บาทซึ่งสูงกว่าราคาที่ระบุในเมนูถึง 2,500 บาททั้งๆ ที่ราคาจริงคือ 1,500 บาท เกิดอะไรขึ้นในเหตุการณ์นี้ บทสรุปทั้งหมดอยู่ในบทความนี้
เหตุการณ์ที่จุดชนวนความขัดแย้งครั้งนี้
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อพิชชี่ได้ไปรับประทานอาหารที่ร้านเจ๊ไฝพร้อมกับเพื่อนๆ ซึ่งต่อมาได้รับการเปิดเผยว่าคือ ดร.ภัทราภา ชาดิษฐ์ นักวิชาการและบุคคลผู้มีชื่อเสียงในประเทศไทย แต่เมื่อได้รับบิลค่าอาหารมากลับกลายเป็นว่าราคาไข่เจียวปูพุ่งกระฉูดไปที่ราคา 4,000 บาท พิชชี่จึงได้โพสต์เรื่องราวนี้ลงโซเชียลมีเดียและกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันในขณะนี้
ทั้งนี้ราคาปกติของไข่เจียวปูที่ระบุในเมนูของร้านเจ๊ไฝอยู่ที่ 1,500 บาท แต่ราคา 4,000 บาทที่เรียกเก็บครั้งนี้ได้สร้างความสงสัยให้กับสาธารณชนอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องความโปร่งใสของการกำหนดราคาและเหตุผลที่ทำให้ราคาสูงขึ้นกว่าเกือบสามเท่า
ปฏิกิริยาจากชาวเน็ตหลังจากเหตุการณ์นี้
หลังจากเรื่องราวแพร่สะพัดไปในโลกออนไลน์ชาวเน็ตไทยได้แสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย โดยส่วนใหญ่มีความเห็นในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ ประเด็นหลักที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือการที่พิชชี่ไปรับประทานอาหารพร้อมกับ ดร.ภัทราภา แต่ทำไมราคาถึงกระโดดไปขนาดนี้ จึงสืบเรื่องราวไปจนพบว่าที่ต้องเป็นราคานี้เนื่องจากเป็นราคาของแขก VVIP ที่มาทานกับทางร้านอยู่บ่อยครั้งจนเป็นลูกค้าประจำจึงทำให้เกิดการสืบสวนประเด็นนี้อย่างละเอียด
นอกจากนี้ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการที่คนมีชื่อเสียงหรือคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าของร้านจะได้รับการเลือกปฏิบัติแบบพิเศษได้จริงหรือ เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมและขัดต่อหลักความเป็นธรรมในการดำเนินธุรกิจ
การแจงข่าวของพิชชี่
เมื่อเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องพิชชี่ได้ออกมาแจงความจริงผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของตนเอง โดยเธอได้อธิบายว่าการไปรับประทานอาหารครั้งนั้นเป็นการไปแบบคนปกติทั่วไปและไม่ได้คาดหวังหรือขอรับสิทธิพิเศษใดๆ จากทางร้าน
พิชชี่ยืนยันว่าเธอได้จ่ายเงินค่าอาหารตามจำนวนที่ร้านเรียกเก็บโดยไม่มีการต่อรองหรือขอส่วนลด และเธอเองก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นราคาที่สูงกว่าเมนูปกติแต่ก็ได้จ่ายเงินตามที่ร้านกำหนดโดยไม่ได้คิดมากในขณะนั้น
กระทรวงพาณิชย์กับการเข้ามาดูแลเรื่องราคาไข่เจียว
เหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงดราม่าทางโซเชียลมีเดียได้พัฒนาไปสู่การเข้ามามีส่วนดูแลรับผิดชอบของหน่วยงานราชการเมื่อกระทรวงพาณิชย์ได้เข้ามาตรวจสอบและออกคำสั่งให้ร้านเจ๊ไฝปรับปรุงการแสดงราคาอาหารในเมนูให้ชัดเจนและโปร่งใสมากขึ้น
การเข้ามาของกระทรวงพาณิชย์สะท้อนถึงความสำคัญของปัญหาในเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภคและความโปร่งใสในการกำหนดราคาโดยเฉพาะในกรณีของร้านอาหารที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ทางกระทรวงฯ ได้ตั้งข้อสังเกตว่าการที่ทางร้านคิดราคาอาหารแตกต่างจากที่ระบุในเมนูโดยไม่ได้แจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้านั้นเป็นการปฏิบัติที่อาจก่อให้เกิดปัญหาต่อผู้บริโภค และอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของไทยในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงอาหาร
ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของร้านเจ๊ไฝหลังจากนี้
เหตุการณ์นี้ได้สร้างผลกระทบในวงกว้างต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อร้านดังๆ ทั่วไปรวมถึงร้านไข่เจียวปูเจ๊ไฝ หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่าการที่ร้านมีชื่อเสียงและได้รับรางวัลต่างนั้นจะรับประกันความเป็นธรรมในการกำหนดราคาหรือไม่ และระบบ VIP หรือการให้สิทธิพิเศษกับลูกค้าบางกลุ่มนั้นเหมาะสมเพียงใด
สำหรับร้านเจ๊ไฝเองเหตุการณ์นี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับปรุงระบบการแสดงราคาอาหารและการให้ข้อมูลแก่ลูกค้าซึ่งในระยะยาวอาจช่วยเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ
การที่พิชชี่ได้ออกมาแจงความจริงและรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นถือเป็นการจัดการปัญหาที่เหมาะสม แม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็นผู้ก่อให้เกิดปัญหาโดยตรงแต่การเป็นบุคคลสาธารณะทำให้เธอมีความรับผิดชอบในการชี้แจงเหตุการณ์ให้สาธารณชนเข้าใจ
เหตุการณ์นี้ยังเป็นตัวอย่างที่ดีของการที่โซเชียลมีเดียสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบและเรียกร้องความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ แม้ว่าบางครั้งอาจเกิดความเข้าใจผิดหรือการตีความในทางลบแต่ผลลัพธ์สุดท้ายคือการนำไปสู่การปรับปรุงและการแก้ไขปัญหาที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคโดยรวม