‘ทักษิณ’ เดินพลาด ทำ พท.พ่ายทั้งกระดาน

18 พ.ย. 2568 - 02:23

  • แม่ทัพใหญ่ถูกพันธนาการ กองทัพไร้เสบียง

  • เพื่อไทยจึงอยู่ในสภาพ ‘ถูกเด็ดปีก’

  • จากความฝันที่รอคอย 17 ปี สู่ความพ่ายแพ้เพราะหมากเดียวที่เดินผิด

‘ทักษิณ’ เดินพลาด ทำ พท.พ่ายทั้งกระดาน

หลัง ทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย ตัดสินใจพลาด ทวงคืนเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย และบีบพรรคภูมิใจไทยออกจากการร่วมรัฐบาลเมื่อหลายเดือนก่อน ทั้งยังตามราวีเรื่องที่ดินเขากระโดง คดีฮั้วสว.แบบกะเอาให้ตาย

กลายเป็นแค้นฝังหุ่น ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ ระหว่างนายเก่ากับลูกน้องเก่า

กระทั่งต่อมา แพทองธาร ชินวัตร มีอันหลุดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ด้วยพิษสงคลิปเสียงมรณะ "อังเคิลฮุน" ทำให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งไม่สามารถช่วงชิงจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับ อนุทิน ชาญวีรกูล ได้ ต้องตัดสินใจทิ้งไพ่ "ยุบสภา" หนี

แต่ติดเหลี่ยมมุมกฎหมายยุบสภาไม่ได้!!

พรรคเพื่อไทย จึงต้องออกไปเป็นฝ่ายค้านแบบจำใจ และนับจากนั้น ก็ตกอยู่ในภาวะขาลงมาตลอด แพ้เลือกตั้งซ่อมสส.ทั้งที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.กาญจนบุรี ที่เป็นเก้าอี้เดิมของตัวเอง ยกเว้น จ.เชียงราย ที่รักษาเก้าอี้เอาไว้ได้

ต่อมาแม้จะผ่านการยกเครื่องพรรค ตั้ง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผอ.เลือกตั้ง และเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ได้ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ มาเป็นหัวหน้าพรรค ประกบคู่กับ ประเสริฐ จันทรรวงทอง ที่หวนคืนเก้าอี้เลขาธิการพรรคอีกคำรบ

แต่จากผลสำรวจสามครั้งหลัง ไม่ว่าจะเป็นภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคกลาง คะแนนนิยมของเพื่อไทยและตัวหัวหน้าพรรคกลับไม่กระเตื้อง แถมยังปักหัวลง ทั้งในภาคอีสาน-ภาคเหนือ ซึ่งเคยเป็นฐานเสียงเดิมของเพื่อไทยมาก่อน

นอกจากนั้น ในการสำรวจหนล่าสุด พรรคเพื่อไทย ยังถูกพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นแซงหน้าอย่างมีนัยสำคัญทั้งคะแนนพรรคและตัวหัวหน้าพรรค ไม่นับ อนุทิน ชาญวีรกูล และพรรคภูมิใจไทย ที่กระแสดีวันดีคืน ทิ้งห่างเพื่อไทยไปทุกที

วันนี้ของ "เพื่อไทย" จึงอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

ล่าสุด อัยการสูงสุด มีคำสั่งอุทธรณ์คดีความผิด มาตรา 112 และความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ทักษิณ ชินวัตร และคณะกรรมการพิจารณาคดีของอัยการ มีมติ 8:2 เสียง เห็นควรยุติไม่อุทธรณ์คดี

การมีคำสั่งอุทธรณ์คดีดังกล่าว ในมุมของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ตั้งข้อสังเกตุว่า เป็นแผนสกัด "ทักษิณ" ไม่ให้ออกก่อนเลือกตั้ง เพราะหากมีคดีต่ออาจส่งผลต่อการพิจารณาพักโทษ

การตั้งข้อสังเกตที่ว่าของชูวิทย์ ไม่ว่าจะถูกหรือผิดก็ตาม แต่ในสถานการณ์รุกรบทางการเมือง เมื่อคนที่เป็น "แม่ทัพ" ถูกพันธนาการด้วยกฎหมาย ทั้งเป็นคดีที่มีความละเอียดอ่อนอย่างมาก จึงไม่ผิดนักหากจะนำมาโยงเข้ากับการเมือง

ในวันเดียวกัน ยังมีเรื่องใหญ่ระดับช็อกซีนีมาของ "ทักษิณ" และพรรคเพื่อไทยตามมาอีก เมื่อศาลภาษีอากร อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ตัดสินให้ทักษิณแพ้คดีภาษีหุ้นชินคอร์ป ต้องจ่ายภาษีให้กรมสรรพากร จำนวน 1.76 หมื่นล้านบาท

ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้น สองศาล คือ ศาลภาษีอากรกลาง มีคำตัดสินไปเมื่อวันที่ 18 ก.ค.2565 ไม่ต้องจ่ายภาษี และศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีภาษีอากร ตัดสินยืน เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2566

สองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเดียวกัน จึงเลี่ยงไม่พ้นที่จะส่งผลในทางการเมืองต่อพรรคเพื่อไทย ทั้งทางตรงและทางอ้อม อย่างน้อยกองทัพที่กำลังจะออกรบคงมีปัญหาเรื่องเสบียง แถมแม่ทัพใหญ่ยังถูกจองจำ มิอาจเคลื่อนไหวใด ๆ ได้

ทั้ง "ทักษิณ-เพื่อไทย" จึงอยู่ในสภาพถูกเด็ดปีก หากเปรียบเป็นหุ้นในตลาดฯ ก็คงไม่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนทางการเมือง และอาจเข้าข่ายต้องถูกแขวนป้ายห้ามซื้อขายด้วยซ้ำ

เพราะความอหังการ มมังการ ของทักษิณเองแท้ ๆ ที่อุตส่าห์อดทนใช้เวลานานถึง 17 ปีเต็ม กว่าจะได้กลับมาเหยียบแผ่นดินไทยและส่งให้พรรคเพื่อไทยหวนคืนสู่อำนาจบริหารประเทศได้อีกครั้ง

แต่เมื่อทักษิณ เดินหมากพลาดแค่ตาเดียว ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องพ่ายทั้งกระดาน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์