ชะตากรรม ‘ยิ่งลักษณ์’ ถึงอนาคต ‘ทักษิณ’?!

20 พ.ค. 2568 - 01:45

  • 22พ.ค.นี้ ศาลปกครองสูงสุดนัดอ่านคำตัดสินคดีชดใช้เงินโครงการรับจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านบาท

  • ศาลปกครองกลางเคยตัดสินให้ชนะคดีเมื่อเมษายน 2564

  • ขณะที่ทักษิณมีนัดไต่สวนปมป่วยทิพย์ 13 มิถุนายน 68

เห็นบรรดากองแช่งออกมาตีปี๊บโหมโรงล่วงหน้ากันหลายวัน ให้ติดตามดูคดีชดใช้เงินโครงการรับจำนำข้าว จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาท ของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ศาลปกครองสูงสุด นัดอ่านคำตัดสิน ในวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคมนี้

โดยประเมินจากอารมณ์กองแช่งแล้ว เหมือนจะมีความหวังอยู่ไม่น้อย เดาทางว่าหวยคงออกไม่ต่างจากมติแพทยสภาวันก่อน ทำนองนั้น ส่วนในซีกของกองเชียร์ ยังสงบเสงี่ยมอยู่ในที่ตั้ง คงรอลุ้นผลตัดสินกันในวันนั้นเลยทีเดียว

แต่คดีนี้ถ้าดูจากผลคำตัดสินของศาลปกครองกลางในเดือนเมษายน 2564 ถือว่าฝั่งผู้ร้อง คือ ยิ่งลักษณ์ เป็นต่ออยู่ไม่น้อย เพราะศาลปกครองกลาง ตัดสินให้ยิ่งลักษณ์ ชนะคดี ไม่ต้องชดใช้เงินจำนวนดังกล่าว กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ

โดยศาลท่านให้เหตุผลว่า

“คำสั่งให้ชดใช้เงินดังกล่าว เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการทุจริตเกิดขึ้นในเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่หลายคนเกี่ยวข้อง แต่การสอบสวนของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด กลับมิได้มีการดำเนินสอบสวนให้ได้ว่า เจ้าหน้าที่คนใดควรต้องรับผิดเป็นจำนวนเท่าใดจากการทุจริต

อีกทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรี รับรู้เกี่ยวข้องเฉพาะขั้นตอนการทำเอ็มโอยู เพื่อให้มีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ แต่ในส่วนการทำสัญญาระบายข้าวไม่ได้เกี่ยวข้อง รวมถึงกระทรวงการคลัง ก็รับว่าไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายโดยตรง และขั้นตอนการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนความรับผิดทางละเมิด ก็ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด”

ดููตามเนื้อหาคำตัดสินของศาลปกครองกลางข้างต้นแล้ว ฝั่งผู้ร้องคือยิ่งลักษณ์ ที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งของกระทรวงการคลัง ที่ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาท คงไม่ถึงกับกินไม่ได้ นอนไม่หลับ โดยเฉพาะในท่อนท้าย ที่อ้างถึงกระทรวงการคลัง ที่รับว่า "ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายโดยตรง"

ดูกันเท่านี้ก็น่าจะเบาใจอยู่ไม่น้อย

แต่ในเมื่อรัฐบาลชุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งให้กระทรวงการคลัง ยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลปกครองสูงสุด ก็ย่อมมีแนวทางในการต่อสู้คดีอยู่บ้าง ไม่ต่างกับคดีอื่น ๆ อาทิ ค่าโง่โครงการรถไฟฟ้าโฮปเวลล์ เป็นต้น

ดังนั้น ชะตากรรมของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในเรื่องเงินชดเชยความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว จึงยังต้องรอด่านสุดท้ายจากศาลปกครองสูงสุดในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ก่อน ซึ่งผลคงออกได้ทุกหน้า ทั้งยืนตามคำตัดสินเดิมหรือแก้ไขคำตัดสินใหม่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ยกขึ้นโต้แย้งและดุลยพินิจของศาล

ช่างบังเอิญที่คดียิ่งลักษณ์ แม้ศาลปกครองสูงสุดจะนัดหมายไว้ล่วงหน้าระยะหนึ่งแล้ว แต่มาคาบเกี่ยวกับคดี ทักษิณ ชินวัตร ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนปม "ป่วยทิพย์" ในวันที่ 13 มิถุนายนนี้

แม้จะเป็นคนละเรื่อง คนละศาลกัน แต่ก็เป็นพี่ชาย-น้องสาว สายโลหิตเดียวกัน มีต้นธารที่มาจากเรื่องราวการเมืองในอดีต ที่ต่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเหมือน ๆ กัน และเป็นจังหวะที่การเมืองชั่วโมงนี้ฝุ่นกำลังคลุ้ง

สงครามแดง-น้ำเงิน ที่นาทีนี้ไม่รู้ใครเป็นต่อ ใครเป็นรอง?!

บ้างว่าอาจถึงเวลาต้องมาทำดีลกันใหม่ ส่วนจะใช้สูตรไหน "ปรับครม.-ลาออก-ยุบสภา" ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะตกลงกันอย่างไร เพราะยังรบไปเจรจาไปอยู่ แต่มองผ่านอารมณ์ อนุทิน ชาญวีรกูล หลังกลับจากผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาแล้ว ดูกระชุ่มกระชวยและผ่อนคลายเป็นพิเศษ

"สายตาที่เคยขุ่นมัว ตอนนี้เปลี่ยนเลนส์ตาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เห็นอะไรได้ชัด ใสปิ๊ง ๆ ทำงานได้แล้ว "รองนายกฯ อนุทินว่าอย่างนั้น แถมยังตอบคำถามเห็นอนาคตรัฐบาลชัดขึ้นหรือไม่ว่า "ชัดครับ ครบเทอม"

อนุทิน ยังตอบอีกหลายคำถาม ทั้งการันตีไม่มีการปรับ ครม.ไม่มีคว่ำกฎหมายงบประมาณปี 69 ตามเสียงลือเสียงเล่าอ้าง ทั้งยังปรามาสการยื่นร้องยุบพรรคภูมิใจไทยด้วยว่า "ฝันกลางวัน"ในขณะที่อีกด้าน ทักษิณ ชินวัตร หลังตกเป็นข่าวขอศาลเดินทางไปกาตาร์ แต่ไม่ได้รับอนุญาต แถมมีการปิดหมายศาลไว้หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ส่วนเจ้าตัวอยู่ในช่วงปลีกวิเวก ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ

เพราะฉะนั้น หากจะดูการเมืองไทยต่อจากนี้จะไปในทิศทางไหน อย่างไร อย่างน้อยคงมองผ่านชะตากรรม "ยิ่งลักษณ์" ในวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคมนี้ได้บ้าง และอาจเห็นทะลุไปถึงอนาคต "ทักษิณ" ด้วยซ้ำ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์