ความฝันของหลายคน ที่อยากเห็นร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข หรือกฎหมายนิรโทษกรรมผู้ชุมนุมทางการเมือง ผ่านออกมาบังคับใช้ได้ทันในสภาชุดนี้ ให้สร้างประวัติศาสตร์สะเทือนเลือนลั่นกันไป หลังเฝ้ารอมานานร่วมยี่สิบปี
ส่อเค้าจะเป็นฝันสลายเอาง่ายๆ
เพราะดูจากการทำงานของ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ ที่อยู่ในมือของวุฒิสภาแล้ว หากจะให้ฝันเป็นจริงได้ คงต้องลุ้นกันตัวโก่ง เพราะวันนี้ กมธ.เพิ่งประชุมไปสองครั้ง อยู่ในขั้นกำหนดกรอบการทำงานจะให้ใครมาชี้แจงบ้าง
จากนั้น ถึงจะพิจารณาลงรายมาตรา ที่แม้จะมีไม่มากไม่มายแค่ 10 กว่ามาตรา แต่มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะข้อยกเว้นเกี่ยวกับความผิด มาตรา 112 ที่ต้องใช้เวลาชี้แจง รวมทั้ง คดีแพ่ง ที่ให้นิรโทษกรรมไปด้วยกัน
ล่าสุดฟังจาก สว.พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ เลขานุการกมธ.ชุดนี้ จะมีการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 1 ธันวาคม เนื่องจากในช่วงเดือนพฤศจิกายน กมธ.หลายคนติดภารกิจ ซึ่งเข้าใจว่าช่วงปิดสมัยประชุมคงเดินทางไปดูงานต่างประเทศกัน
แต่ก็ได้รับการยืนยันว่า จะเร่งทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้เสร็จทันตามกำหนดเวลา 60 วัน จากนั้น จะเสนอเข้าที่ประชุมวุฒิสภา พิจารณาวาระ 2-3 ต่อไป ในช่วงเดือนมกราคมปีหน้า
ตรงนี้แหล่ะ ที่ทำให้ต้องลุ้นกันตัวโก่ง!!
เพราะทันทีที่ก้าวเข้าสู่เดือนมกราคม 2569 ถือเป็นโซนอันตรายอย่างมาก เนื่องจากจะมีการยุบสภาไม่เกินวันที่ 31 มกราคม ซึ่งดูจากไทม์ไลน์ของการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ทุกอย่างจะสะเด็ดน้ำและยุบสภาได้ตั้งแต่หลังวันที่ 15 มกราคม เป็นต้นไป
ดังนั้น มีเพียงหนทางเดียว ไม่เลี้ยวไปไหน หากจะให้กฎหมายนิรโทษกรรมฉบับประวัติศาสตร์ คลอดออกมาได้ทันสภาชุดนี้ สว.ต้องผ่านฉลุย ไม่มีการปรับแก้ไขใดๆ ในทุกมาตรา คือ เอาตามที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรมาทั้งดุ้นนั่นแหล่ะ
ถ้าทำแบบนี้รับรองทันสภาชุดนี้ชัวร์
ในทางกลับกันหากออกลีลาเล่นท่ายาก ไปปรับแก้ไขไม่ว่ามากหรือน้อย ก็ต้องส่งกลับมาสภาผู้แทนราษฎรให้การยืนยันอีกที ซึ่งหากสภาผู้แทนราษฎรไม่ติดใจก็โชคดีไป แต่ถ้าไม่ยอมและถึงขั้นต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมสองสภาขึ้นมาพิจารณาด้วยละก็
งานนี้ปิดประตูลงกลอนได้เลย ผ่านสภาชุดนี้ไม่ทันแน่ๆ
เอาเป็นว่า ถ้ามีการยุบสภาก่อนจะพิจารณาเสร็จ ร่างกฎหมายก็จะคาสภาเอาไว้ รอหลังการเลือกตั้งค่อยให้รัฐบาลชุดใหม่ นำร่างกฎหมายที่ค้างอยู่ร้องขอต่อสภา เพื่อให้นำมาพิจารณาต่อภายใน 60 วัน นับแต่วันเรียกประชุมรัฐสภาครั้งแรกหลังการเลือกตั้งทั่วไป
นั่นเท่ากับว่า ที่รอมายี่สิบปี ก็ต้องรอกันต่อไปอีก 5-6 เดือน เพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่นำร่างกฎหมายที่ค้างอยู่มายืนยันให้สภาพิจารณาต่อ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 147 วรรคสอง
ทั้งหลายทั้งปวงที่ว่า ต้องไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองเหมือนหลังการเลือกตั้งปี 2566 ที่กว่าจะโหวตเลือกนายกฯ คนใหม่ได้ ต้องยื้อกันนานเกินสองเดือน ทำให้ไม่สามารถนำร่างกฎหมายที่ค้างอยู่มายืนยันพิจารณาต่อได้ทัน และถูกตีตกไปด้วยผลของกฎหมาย ต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่
เที่ยวนี้ดูจากไทม์ไลน์การเมืองแล้ว มีโอกาสสูงที่ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมจะค้างเติ่งอยู่ที่สภาสูง รอนำมายืนยันพิจารณาอีกครั้งหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า
