เหมือนจะรอด แต่สุดท้ายก็ไม่รอด สำหรับนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ให้พ้นจากตำแหน่ง ด้วยมติ 6 ต่อ 3 เสียง
ส่วนรายละเอียดคำวินิจฉัยคงต้องไปหาอ่านกันเอง ถ้าแบบสรุปสั้นๆ ก็น่าจะหาอ่านกันได้เลย แต่หากอยากอ่านฉบับเต็มที่เน้นคำบรรยายการกระทำแบบทุกตัวอักษร ก็ต้องรอการเผยแพร่ของศาล โดยเฉพาะคำวินิจฉัยส่วนบุคคล
ส่วนทิศทางการเมืองไทยจะเปลี่ยนไปแบบไหนนับจากนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการจับขั้วของแต่ละฝ่าย
ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน สำหรับการเมืองประเทศไทย
แต่ที่น่าจะแน่นอน และนอนแน่ไปแล้ว คือ บัญชีโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล ที่มีการประชุมคณะกรรมการปรับย้ายฯไปแล้วเมื่อบ่ายวันที่ 29 สิงหาคม 2568
การประชุมที่ใช้เวลา 45 นาที และจบก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะเริ่มนั่งอ่านคำวินิจฉัยในเวลา 15.00 น.ได้ข้อสรุปบัญชีโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปี2568 ซึ่งเป็นไปตามที่ ผบ.เหล่าทัพเสนอไปทั้งหมด
พล.อ.ณัฐพล นาคพานิชย์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น และยืนยันว่า ผบ.เหล่าทัพ ได้ลงนามรับรองบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายพลฉบับนี้ครบทุกแผ่นแล้ว
พล.อ.ณัฐพล บอกว่า ทุกอย่างคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะเหลือขั้นตอนเดียว คือ รักษาการนายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย โปรดเกล้าฯ ลงมา
“ขั้นตอนจากนี้ คือ ส่งเรื่องไปหารือคณะกรรมการเลือกตั้งว่า รักษาการนายกรัฐมนตรีจะสามารถนำบัญชีโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลขึ้นทูลเกล้าฯได้หรือไม่ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติที่บัญญัติเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ”
คำยืนยันรวมทั้งท่าทีของ บิ๊กเล็ก ในการออกมาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่ค่อนข้างอารมณ์ดี สะท้อนชัดว่า โผแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลของกระทรวงกลาโหม คงไม่มีอะไรเปลี่ยน แม้การเมืองจะเปลี่ยน เพราะเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551
หมากเกมนี้ของ ผบ.เหล่าทัพ ที่นำโดย บิ๊กเล็ก ซึ่งชิงจัดประชุมคณะกรรมการกลาโหม ก่อนการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะเริ่มขึ้น เป็นการเดินเกมที่รองรับความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้น
เพราะหากไม่มีมติการประชุม และไม่มี ผบ.เหล่าทัพลงนามรับรอง โอกาสที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่เข้ามา และขอเปลี่ยนบางรายชื่อก็มีโอกาสที่จะเป็นไปได้
โดยเฉพาะถ้ารัฐมนตรีกลาโหมมาจากพรรคพลังประชารัฐ ที่ชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะลุงป้อมยังมีบารมีและลีลาที่จะกดดัน เพื่อขอเปลี่ยนแปลงบางรายชื่อได้
ดังนั้น เมื่อทุกอย่างถูกลงยันต์กันเปลี่ยน ด้วยลายเซ็นของ ผบ.เหล่าทัพทุกเหล่า เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน พรบ.กลาโหม เมื่อทุกอย่างถูกปิดเกมแบบสนิท ก็ต้องมาส่องว่ารายชื่อการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลปีนี้ มีใครเป็นใคร และใคร คือ ม้าศึกตัวใหม่ ที่ถูกจัดวางขึ้นมารับมือศึกกัมพูชา ที่คาดว่าจะยังเป็นเกมยาว เพราะข้อมูลการข่าวของกองทัพ ยังพบความเคลื่อนไหวของฝายกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง
ในระดับ ผบ.เหล่าทัพ ซึ่งต้องแต่งตั้งทดแทน ผบ.ที่เกษียณอายุ ตั้งแต่ พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนากุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ และพล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ
โผที่มีการลงนามไปแล้ว และไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง แม้การเมืองจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน คาดว่า ว่าที่ปลัดกระทรวงกลาโหมคนต่อไป ไม่น่าจะหนีจาก พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ ตท.24 เพราะมีเสียงสนับสนุนทั้งจากปีกของ ป.ประยุทธ์ และ ป.ประวิตร
ประการสำคัญ ก็เพื่อชดเชยให้กับ พล.อ.ธราพงษ์ ที่พลาดหวังมาแล้วถึง 2 ครั้ง ทั้งตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 และตำแหน่ง ผบ.ทบ. ไปขึ้นดำรงตำแหน่งสูงสุดในกระทรวงกลาโหม เพราะว่าที่ปลัดหนุ่ย จะเกษียณอายุราชการในปี 2569
ส่วนว่าที่ ผบ.สส. ก็น่าจะเป็น พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ อีกหนึ่ง ตท.24 เจ้าของคอลัมน์ “ลุงป้าพาเที่ยว” ในแพลตฟอร์ม TikTok เนื่องจากเป็นเต็งหนึ่งที่ถูกวางตัวมาตั้งแต่ย้ายข้ามไปจากกองทัพบก
และเมื่อปีที่ผ่านมา พล.อ.ทรงวิทย์ก็วางให้ดำรงตำแหน่งรอง ผบ.สส. โดยไร้แคนดิเดต ขึ้นมาแข่งในปีนี้ เพราะระดับ พล.อ.พิเศษ ในกองทัพไทย เกษียณอายุราชการพร้อมกันในปีนี้ ซึ่ง พล.อ.อุกฤษฎ์ เหลืออายุราชการถึง 2 ปี เพราะเกษียณอายุปี 2570
ส่วนว่าที่ ผบ.ทอ.คนใหม่ ผบ.ไก่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี วางตัวเลือกไว้ 2 ราย คือ พล.อ.อ.เสกสรร คันธา ตท.26 ผู้ช่วย ผบ.ทอ.และ พล.อ.อ.วชิรพล เมืองน้อย ตท.27 เสนาธิการทหารอากาศ
แต่ล่าสุดในโผที่มีการลงนามไปแล้ว เชื่อกันว่า ผบ.ไก่ ตัดสินใจเลือก พล.อ.อ.เสกสรร ที่มีอายุราชการเหลืออีก 3 ปี เพราะเกษียณอายราชการปี 2571 ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ทอ.คนใหม่ ด้วยเหตุผล เพื่อความต่อเนื่องทั้งเรื่องยุทธการทางอากาศ ในสถานการณ์ที่ต้องเตรียมรับมือศึกกับกัมพูชารอบใหม่
รวมทั้งต่อเนื่องเรื่องขั้นตอนการจัดซื้อ และการตรวจรับเครื่องบินรบกริพเพน ที่ พล.อ.อ.เสกสรร เป็นคณะทำงานจัดหาร่วมกับ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี มาโดยตลอด
ส่วนว่าที่ ผบ.ทร.นั้น พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ตัดสินใจเลือก พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ตท.24 เสนาธิการทหารเรือ ขึ้นมารับไม้ต่อในการรับมือศึกกัมพูชา เพื่อรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ทางทะเลของประเทศ
แม้ ‘ผบ.เดี่ยว' พล.ร.อ.ณัฎฐพล เดี่ยววานิช ตท.25 ผบ.กองเรือยุทธการ จะมีโปรไฟล์ที่น่าสนใจ และการคุมกองเรือยุทธการ ที่มีทั้งเรือรบทั้งหมด และมีหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรืออยู่ในสังกัด ก็ดูเหมาะที่จะขึ้นมาสานต่องานด้านความมั่นคงมทั้งทางบกและทางทะเลในช่วงความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
ทั้งคู่เป็นน้องรักของ ’บิ๊กดุง’ พล.ร.อ.อดุง พันธ์เอี่ยม อดีตผบ.ทร. แต่เมื่อต้องเลือกคนใด คนหนึ่ง ที่สุด ’บิ๊กแมว’ พล.ร.อ.จิรพล ก็จำตัองส่งสัญญาณไปยังเพื่อนดุงว่า ต้องเลือกเสธฯเฟื่องพล.ร.อ.ไพโรจน์ ที่มีความเหมาะสมมากกว่า โดยเฉพาะเหตุผลด้านความต่อเนื่องเรื่องการปฏิรูปกองทัพเรือที่บิ๊กดุงวางโครงไว้ โดยมีบิ๊กแมวสานต่อเรื่องเรือดำน้ำและเรื่องเรือฟริเกต ที่ทร.จะต้องจัดหาเพิ่มเติม ที่เสธฯเฟื่อง อยู่ในคณะทำงานของทั้งบิ๊กดุงและบิ๊กแมว
หากเป็นไปตามนี้ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ ก็จะยังประกอบด้วยแกนหลักจาก ตท.24 ที่ยังเหลืออยู่ ทั้ง พล.อ.ธราพงษ์, พล.อ.อุกฤษฎ์ และพล.ร.อ.ไพโรจน์ พร้อม ตท.26 คือ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ.และพล.อ.อ.เสกสรร ว่าที่ ผบ.ทอ.
โดยจะมี ผบ.เหล่าทัพหลักถึง 3 เหล่าทัพ ที่จะต่อเนื่อง เพื่อความเสถียรไปอีก 2 ปี ถึง 3 คน คือ พล.อ.อุกฤษฎ์ เกษียณปี 2570 ,พล.อ.พนา เกษียณปี 2570 และพล.อ.อ.เสกสรร เกษียณปี 2571 ส่วนพล.อ.ธราพงษ์ และพล.ร.อ.ไพโรจน์ เกษียณปี 2569
ส่วนโผโยกย้ายของเหล่าทัพหลัก โดยเฉพาะกองทัพบก ซึ่งเป็นเหล่าทัพหลักในการรับมือศึกกัมพูชา ปีนี้เป็นปีแรกที่พล.อ.พนาจะได้จัดทัพโผนายพลปลายปี ซึ่งเป็นบัญชีโยกย้ายใหญ่สุด เพราะปีที่ผ่านมา พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ อดีตผบ.ทบ.เป็นผู้จัดทำ
ปีนี้เป็นสำคัญที่ 'ผบ.ปู' คาดหวังจะเปลี่ยนแปลงกองทัพบก ให้ก้าวขึ้นสู่กองทัพที่ทันสมัย พร้อมรับมือสงครามรูปแบบใหม่ ทั้งสงครามไซเบอร์ การรบรูปแบบใหม่ ทั้งรูปแบบการจัดหน่วยขนาดเล็กที่มีศักยภาพการรบสูง การจัดหาอาวุธยุทธโธปกรณ์ให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของโลก
การจัดทัพทบ.รอบนี้ ก็เพื่อปรับทั้งส่วนคุมกำลัง และส่วนสนับสนุน
ส่วนคุมกำลังที่สำคัญในระดับ 5 เสือกองทัพบก เมื่อมีตำแหน่งว่างจากการเกษียณอายุของพล.อ.เอกรัตน์ ช้างแก้ว ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก,พล.อ.ณัฐวุฒิ นาคะนคร รอง ผบ.ทบ. และ พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก ทำให้ ผบ.ปู มี 3 ตำแหน่งให้หมุนและรองรับตำแหน่ง 5 เสือทบ.เพื่อให้เป็นทีมงานที่เป็นทีมเวิร์ค
ระดับ 5 เสือทบ. มีแนวโน้มว่า ผบ.ปู จะขยับเพื่อนรัก 'ผู้ช่วยรุ่ง' พล.อ.ชิษณุพงศ์ รอดสิริ ตท.26 จาก ผช.ผบ.ทบ.ขึ้นเป็น รอง ผบ.ทบ.
นอกจากนั้นอาจมีการเคลียร์พื้นที่ ผช.ผบ.ทบ.อีกหนึ่งตำแหน่งของพล.อ.วสุ เจียมสุข โดยขยับพล.อ.วสุ ขึ้นเป็นประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบกแทน พล.อ.เอกรัตน์ ที่เกษียณ และคาดว่า และขยับพล.ท.ณรงค์ฤทธิ์ คำภีระ เพื่อน ตท.26 จากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ไปเป็นผช.ผบ.ทบ. คนที่ 1
ส่วน ผช.ผบ.ทบ.คนที่ 2 จะเป็นโควตาของ ตท.27 ที่มีชื่อ พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นแคนดิเดตอันดับหนึ่ง แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และโจมตีอย่างหนักในกรณีบ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
เสนาธิการทหารบก แทนพล.อ.ธงชัย รอดย้อย คาดว่าเป็น พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสนาธการทหารบก อีกหนึ่งเพื่อนตท.26 และเป็นฝ่ายยุทธการคนสำคัญ ที่ร่วมเคียงบ่า เคียงไหล่กับผบ.ปูในการกำหนดแผนการรบกับกัมพูชารอบนี้
สูตร 5 เสือ ทบ.รอบนี้ก็จะเป็นการแทคทีม ตท.26 ใน 4 ตำแหน่งหลัก คือ ผบ.ทบ., รอง ผบ.ทบ., ผช.ผบ. และเสธฯทบ. เพื่อให้ ผบ.ปู สามารถกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติได้อย่างเต็มที่
ส่วนระดับคุมกำลังแม่ทัพ 5 ภาค พล.อ.พนา ยังคงไว้วางใจให้เพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 คุมกำลังสำคัญในแต่ละภาค มีเพียงกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 4 ที่เป็นรุ่นอื่น
ขอยกยอดไปอีก EP.เพราะจะต้องลงรายละเอียดเยอะ ถึงแม้การแข่งขันไม่เข้มข้น และส่วนใหญ่แบเบอร์ แต่มีองค์ประกอบส่วนอื่นที่น่าสนใจอีกมาก อดใจรอนิด ของดีต้องใช้เวลารอ
แต่ปิดท้ายขอไว้อาลัยให้กับคอลัมน์นิสต์มือดี เจ้าของคอลัมน์ ‘ลึกแต่ไม่ลับ‘ กับ 'จรัญ พงศ์จีน' พี่จรัญเป็นเจ้าของวาทะ “ระทึกในฤทัยพลัน” ที่เขียนลงในมติชนรายสัปดาห์อันเป็นที่ลือลั่น และเป็นต้นแบบโวหารการเขียนให้กับนักข่าวรุ่นหลัง คอลัมน์นิสต์ที่แวดวงการเมือง ต้องบันทึกไว้ และน้อมคารวะได้อย่างเต็มใจ