ระหว่างสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรงเมื่อวานนี้(5 ก.ย.68)ช่วงสาย ๆ ยังไม่มีนายกรัฐมนตรีตัวจริง ทั้งกระทรวงกลาโหมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็คลอดบัญชีโยกย้ายใหญ่ประจำปี 2568 ออกมาครบทั้ง 2 หน่วยงาน
ส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติปีนี้ มีการโยกย้ายระดับนายพล 249 ตำแหน่ง และเป็นบัญชีโยกย้ายที่ต้องประชุมคณะกรรมการตำรวจ หรือ ก.ตร.ถึง 2 ครั้ง
ครั้งแรก ไม่มีข้อยุติในหลายตำแหน่งที่มีการร้องเรียน จน ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ รักษาการนายกรัฐมนตรี ต้องสั่งยุติการประชุมกะทันหัน และเดินออกจากห้องประชุมทันที ท่ามกลางเสียงทักท้วงของ ก.ตร.
มีเสียงกระซิบในห้องประชุมถึงสาเหตุวงแตกว่า เพราะกรรมการในห้อง ทั้งโดยตำแหน่งและผู้ทรงคุณวุฒิ ยืนตามบัญชีโยกย้ายเดิม ซึ่งอนุกลั่นกรองนำเสนอมา ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงในบางตำแหน่งที่ ‘ภูมิธรรม’ แย้ง
โดยเฉพาะตำแหน่งสายการแพทย์ ที่ทั้งพล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงห์จารุ ผช.ผบ.ตร.ที่อาวุโสจ่อขึ้นรอง ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ แพทย์ใหญ่ ที่จ่อขึ้น ผช.ผบ.ตร. ซึ่งกรรมการให้เหตุผลว่า ทั้งคู่อยู่ในระหว่างถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ
ครั้งที่สอง เป็นการประชุมโดยไม่มีฝ่ายการเมืองเข้าร่วมด้วย เนื่องจาก ‘ภูมิธรรม’ ขอลาประชุม เพราะอยู่ในห้วงเวลาที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากมีการกระทำที่เข้าข่ายผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง
การประชุมที่มีพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่รักษาการประธานในที่ประชุม ใช้เวลาในการถกกันเกือบ 8 ชั่วโมง ก่อนที่จะได้ข้อสรุป โดยมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้บัญชาการจากบัญชีแรกที่เสนอมาจากอนุฯกลั่นกรอง 2 ตำแหน่ง แต่ก็ยังไม่มีชื่อของทั้งพล.ต.ท.โสภณรัชต์ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เช่นเดิม
บัญชีที่ถูกเปลี่ยนแปลงจากอนุกรรมการกลั่นกรอง 2 รายชื่อ คือ พล.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. ได้รับความชอบธรรม ขยับขึ้นเป็น ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.ตชด. ที่ได้ขยับขึ้นเป็น ผบช.ตชด.
ส่วน ‘รองเต่า’ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.ที่พลีชีพ ทำหนังสือขอความเป็นธรรม ยังอยู่ที่เดิม เพราะเหตุอาวุโสไม่ถึง
สำหรับตำแหน่งสำคัญของการโยกย้ายแต่งตั้งนายตำรวจรอบนี้ อยู่ที่ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ รอง ผบ.ตร.และเทียบเท่ารอง ผบ.ตร.รวม 4 ตำแหน่ง เพราะจะมีผลถึงการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ในปีหน้า เนื่องจากพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ผบ.ตร.เกษียณอายุ
รอง ผบ.ตร.คนแรก พล.ต.ท.ธัชชัย ปีตะนีละบุตร(ตท.26) นรต.42 จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นรองผบ.ตร.
รอง ผบ.ตร.คนที่สอง พล.ต.ท.สำราญ นวลมา(ตท.34) นรต.50 ผช.ผบ.ตร.เทียบเท่ารอง ผบ.ตร.เมื่อชื่อ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ ถูกปัดตก จึงเป็นคิวของอาวุโสลำดับรองลงมาคือ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจริยะประดิษฐ์(ตท.27)นรต.43 รองจเรตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ขยับขึ้นเป็นจเรตำรวจแห่งชาติ เทียบเท่ารอง ผบ.ตร.แทน
การโยกย้ายครั้งนี้ทำให้ ปี 2569 จะมี รอง ผบ.ตร.และเทียบรอง ผบ.ตร.ทั้งหมด ที่ขยับเข้ามาเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.คนต่อจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ที่จะเกษียณอายุปี 2569 ครบทั้ง 5 คน
ประกอบด้วย อาวุโสอันดับ1 พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี(ตท.27)นรต.43 ที่จะเกษียณอายุ ปี 2571 โดยพร้อมเป็น ผบ.ตร.ต่อจาก ‘บิ๊กต่าย’ ได้ถึง 2 ปี
อาวุโสลำดับ 2 พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร(ตท.26) นรต.42 ที่เกษียณอายุราชการปี 2570
ส่วนอาวุโสลำดับ 3 เป็น พล.ต.ท.สำราญ นวลมา(ตท.34) นรต.50 ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่เหลืออายุราชการอีก 8 ปี เพราะจะเกษียณอายุราชการในปี 2576 และถ้า พล.ต.ท.สำราญ ขึ้นเป็นผบ.ตร.ต่อจาก ‘บิ๊กต่าย’ ก็จะสร้างประวัติศาสตร์เป็น ผบ.ตร.คนแรก ที่มีอายุราชการเหลือถึง 7 ปี
ขณะที่ พล.ต.ท.อิทธิพล (ตท.27)นรต.43 เป็นอาวุโสลำดับที่ 4 เพราะแม้จะเป็นจเรตำรวจแห่งชาติ แต่ก็ยังสามารถเข้าไลน์มาเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.ได้เช่นกัน ‘บิ๊กแมน’ เป็น ตท.27 ที่เกษียณอายุราชการ ปี 2572 อีกคนหนึ่งของรุ่น ทำให้หากได้ลุ้น ผบ.ตร.ต่อจาก พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ ก็สามารถเป็น ผบ.ตร.ได้ถึง 3 ปี
การจัดโผ รอง ผบ.ตร. และเทียบเท่ารอง ผบ.ตร.ในปีนี้ ทำให้ปี 2569 จะเป็นปีแห่งความเข้มข้นของการช่วงชิงตำแหน่ง ผบ.ตร.เพราะแคนดิเดตทั้ง 4 ราย ต่างก็มีสิทธิในการได้รับการเสนอชื่อขึ้นเป็น ผบ.ตร.ทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับรัฐบาลหน้าในปี 2569 ว่า ประธาน ก.ตร.คนใหม่จะเป็นใคร และจะยึดหลักอาวุโสหรือยึดหลักตั๋วช้าง
เพราะหากยึดหลักตั๋วช้าง หลังปี 2569 อาจจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ผบ.ตร.ยาวถึงปี 2576
แต่ Scenario นี้ ยังไม่จบ เพราะต้องมาดูการโยกย้ายระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่สำคัญยิ่ง สำคัญยิ่งกว่าระดับ รอง ผบ.ตร.
สำคัญยิ่งไม่ใช่เพราะการโยกย้ายในระดับ ผช.ผบ.ตร.รอบนี้ มีการขยับนายตำรวจระดับผู้บัญชาการ ขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ตร.และเทียบเท่า ผช.ผบ.ตร.รวม 8 ตำแหน่ง แต่การโยกย้ายระนาบนี้ มีชื่อนายพลคนสำคัญ คือ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.รวมอยู่ด้วย
ทั้ง 8 ตำแหน่ง ประกอบด้วย
พล.ต.ท.ธนพล ศรีโสภา(ตท.28)นรต.44 รองจเรตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ตร.
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช(ตท.34) นรต.50 ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ตร.
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ(ตท.30) นรต.46 ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็น ผช.ผบ.ตร.
พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์(ตท.25) นรต.41 ผบช.ภ.2 เป็น ผช.ผบ.ตร.
พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 (ตท.26) นรต.42 เป็น ผช.ผบ.ตร.
พล.ต.ท.อนุชา รมยะนนท์ ผบ.สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ตท.27) นรต.43 เป็นผช.ผบ.ตร.
พล.ต.ท.อุดร ยอมเจริญ ผบช.ส. เป็น ผช.ผบ.ตร.(ตท.26) นรต.42
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ เผดิมชิต ผบช.ภ.7 เป็น ผช.ผบ.ตร.(ตท.24) นรต.40
แต่ทั้ง 8 ตำแหน่ง กลับถูกโฟกัสไปที่ตำแหน่งเดียวเท่านั้น คือ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ที่ขยับจากผบช.ก.ที่นั่งยาวถึง 4 ปี ขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ตร เพราะ ‘บิ๊กก้อง’ ขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ตร.อาวุโสลำดับสอง รองจาก พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร์ ผบช.ภ.8 เท่านั้น
ในปี 2569 ‘บิ๊กก้อง‘ ก็จะเป็นอาวุโสในลำดับที่สามารถขยับขึ้นเป็น รอง ผบ.ตร.ได้ทันที เพราะปีหน้าจะมีรอง ผบ.ตร. 2 คนเกษียณอายุราชการ คือ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ และพล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง
พล.ต.ท.จิรภพ เกษียณอายุราชการปี 2579 ดังนั้น จึงพร้อมที่จะเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.ได้ตั้งแต่ปี 2570 ขึ้นอยู่กับใครคือ ผบ.ตร.ต่อจาก ‘บิ๊กต่าย’
หาก พล.ต.อ.ธัชชัย ที่เกษียณอายุราชการ ปี 2570 เป็น ผบ.ตร. ‘บิ๊กก้อง‘ ก็พร้อมเป็นแคนดิเดต และอาจจะเป็น ผบ.ตร.ที่มีอายุราชการ นานถึง 9 ปี
หากเป็น พล.ต.อ.นิรันดร ที่เกษียณอายุราชการปี 2571 ขึ้นต่อจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ หรือ ขึ้นต่อจาก พล.ต.อ.ธัชชัย ปี 2571 ‘บิ๊กก้อง’ ก็ยังเป็นแคนดิเดตที่จะเป็น ผบ.ตร.ได้อยู่ดี แต่จะเหลืออายุราชการเป็น ผบ.ตร. 8 ปี
หากเป็น ’บิ๊กแมน‘ พล.ต.อ.อิทธิพล ที่เกษียณอายุราชการปี 2572 ‘บิ๊กก้อง’ ก็ยังพร้อมเป็นผบ.ตร.ในปี 2572 ที่มีอายุราชการอีก 7 ปี
ทั้ง 3 Scenario ‘บิ๊กก้อง’ ก็จะเป็น ผบ.ตร.คนแรกในประวัติศาสตร์ที่มีอายุราชการยาวที่สุด
แต่ทั้ง 3 Scenario นี้ ‘บิ๊กก้อง’ จะต้องเป็นแคนดิเดตกับคู่แข่งเพื่อนร่วมรุ่น คือ พล.ต.อ.สำราญ นวลมา ที่ขยับขึ้นจ่อ ผบ.ตร.ตั้งแต่ปี 2569
ส่วน Scneario ที่ 4 คือ เป็นต่อจาก พล.ต.อ.สำราญ ที่เกษียณอายุราชการปี 2576 แต่นั่นหมายถึง ‘บิ๊กก้อง’ ต้องเป็น รอง ผบ.ตร.ยาวถึง 6 ปี
การโยกย้ายในระนาบ รอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.ในปีนี้ จึงฉายภาพโผ ผบ.ตร.ยาวไปถึงปี 2579 ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจที่มีสิทธิเลือก ผบ.ตร.จะเลือก Scenario ไหน
ถ้าเลือกใส่สนับก้นให้ ‘บิ๊กก้อง’ 6 ปี ปี 2569 ผบ.ตร.ก็จะชื่อ พล.ต.อ.สำราญ นวลมา แต่ถ้าให้ ’บิ๊กก้อง‘ทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผบ.ตร.1 ปี รอง ผบ.ตร.สวยๆอีกสัก 1 ปี เพื่อขึ้นเป็น ผบ.ตร.ในปี 2571 ผบ.ตร.คนต่อจาก ‘บิ๊กต่าย‘ ในปี 2569 ก็แปะชื่อไว้ได้เลยว่าน่าจะชื่อ พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี
บัญชีโยกย้ายตำรวจปี 2568 ที่ราบรื่นจบอย่างรวดเร็ว ภายใต้รักษาการประธานการประชุมที่ชื่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ จึงซ่อนอำนาจที่ถูกเรียกว่า “รัฐพันลึก” ไว้อย่างแนบเนียน เพราะมองผ่านโผ 2568 อาจจะยังไม่ชัด
รอชัดคือ โผกันยา2569 ว่า จะเป็นไปตามนั้นหรือไม่…
นรต.50(ตท.34)คือ ว่าที่ ผบ.ตร.ที่จะสร้างประวัติศาสตร์ เป็น ผบ.ตร.ที่มีอายุราชการยาวที่สุด แต่จะเป็น ตท.34 คนไหน และหากเป็น Scenario ที่สอง และพล.ต.อ.สำราญ จะขยับไปนั่งเก้าอี้ตัวไหนที่มีสถานะเท่าเทียมกันแบบยาวๆ
FC DeepSpace โปรดเตรียมยาหยอดตาไว้เยอะๆ เพราะต้องติดตามข้ามปี แบบห้ามกระพริบตา
ส่วนการชำแหละโผทหาร26 อุ้ยยย…โผทหาร68 รอ EP.ถัดไป
โปรดอดใจรอชม อันนี้ประเดิมยาหยอดตาหลอดแรก เตรียมไว้ได้เลย