การปิดห้องคุยกันเป็นการส่วนตัวของ อนุทิน ชาญวีรกูล กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หลังรับประทานอาหารเที่ยงมื้อพิเศษร่วมกัน บนตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อวาน (5 พ.ย.68) ได้รับความสนใจจากคอการเมือง ถามไถ่กันให้วุ่นว่าคุยเรื่องอะไรกัน
ผู้สื่อข่าวสายทำเนียบฯ พุ่งเป้าไปที่ปมตั้ง ธนดล สุวรรณฤทธิ์ คนใกล้ชิด "ผู้กอง" เป็นข้าราชการการเมืองในตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่รู้จักกันดีในหมู่นักการเมืองว่าตำแหน่ง "เทกระโถน" ไม่ได้มีนัยสลักสำคัญอะไร
เพียงแต่ชื่อ "ธนดล" เป็นคนเดียวกับที่เป็นทนายความให้กับ "เบน สมิธ" ซึ่งตามข่าวมีความโยงใยกับกลุ่มสแกมเมอร์ และครั้งหนึ่งเคยแสดงบทบาทตรวจสอบที่ดินสนามกอล์ฟ "แลนด์โชว ชาญวีร์" ที่อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
โดยเรื่องดังกล่าว นายกฯ อนุทิน ปฏิเสธมาตั้งแต่ช่วงสาย เป็นสิทธิของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะคัดเลือกคนเข้ามาทำงาน ถือว่าเป็นการทำงานร่วมกันและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ส่วนปัญหาการตรวจสอบที่ดิน ตนไม่เคยมีวิวาทะกับนายธนดล และทีดินไม่ใช่ของตน
แต่คนการเมืองที่ถามไถ่กันหนาหู ไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องตำแหน่งเทกระโถน หากมุ่งประเด็นไปที่ปัญหาสแกมเมอร์มากกว่า ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่พรรคกล้าธรรม ที่ทั้งผู้กองและ สส.ในพรรค ต่างตกเป็นเป้าการตรวจสอบของฝ่ายค้าน
ในขณะที่รัฐบาลเองก็ถูกตั้งคำถามว่า "ออกหมัดช้า" ทั้ง ๆ ที่ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ แต่การขับเคลื่อนปัญหานอกจากจัดตั้งซุปเปอร์บอร์ดแล้ว อย่างอื่นแทบไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เมื่อเทียบกับสหรัฐ เกาหลีใต้ อังกฤษ ฯลฯ
ขาดแอคชั่น ขาดความกระตือรือร้น ไม่ตรงกับนโยบายที่ขายไว้ "พูดแล้วทำ"
ล่าสุดนายกฯ อนุทิน ไปพูดเรื่องรัฐบาล "เซ็นเช็คเปล่า" มอบให้หน่วยงานต่างๆ ไปจัดการปัญหาสแกมเมอร์ ประหนึ่งว่าได้มอบอำนาจเต็มไปแล้ว ให้แต่ละหน่วยงานทั้งตำรวจ ปปง. ดีเอสไอ ไปจนถึงสภาความมั่นคงแห่งชาติ ใช้ดาบอาญาสิทธิ์ที่ให้ไปฟาดฟันกันเอาเองได้เลย
การออกมาพูดข้างต้นของนายกฯ อนุทิน ถูกนักวิชาการและนักการเมืองฝ่ายค้านรุมวิจารณ์ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านฯ มองเป็นการบริหารแบบโยนภาระให้หน่วยงานราชการ
“การที่คุณอนุทินมาพูดวันนี้ว่า เซ็นเช็คเปล่า ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำไปตามอำนาจ จึงเท่ากับตอกย้ำว่า รัฐบาลจงใจเกียร์ว่าง ไม่มีการสั่งการอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้หน่วยงานราชการไม่กล้าขยับโดยปริยาย เพราะปรากฏเป็นข่าวทั่วไปว่าเรื่องนี้พัวพันกับบุคคลระดับสูงในรัฐบาล ผมจึงขอถามไปยังคุณอนุทินโดยตรงว่าท่านจงใจเกียร์ว่างเพื่อให้เกิดสุญญากาศ เตะถ่วงการสืบสวนเครือข่ายทุนเทาสแกมเมอร์ในไทยหรือไม่”
ด้านนักวิชาการบางคน มองปัญหาสแกมเมอร์ เป็นเรื่องใหญ่หลวงเกินกว่าอำนาจของข้าราชการจะดำเนินการเองได้ ต้องใช้อำนาจพิเศษของรัฐบาลเท่านั้น ไม่ใช่งานปกติทั่ว ๆ ไป ที่นายกฯ มักพูดอยู่บ่อยว่า "สั่งวันนี้ต้องเสร็จเมื่อวาน"
ที่สำคัญ เช็คเปล่า ที่เซ็นให้หน่วยงานราชการไปกรอกตัวเลขเอาเองนั้น หากอำนาจในมือมีไม่ถึงเท่ากับนายกฯ จ่ายเช็คเด้งให้กับข้าราชการดี ๆ นี่เอง
ทีนี้ในเวทีเดียวกัน นายกฯ อนุทิน ได้พูดถึง วรภัค ธันยาวงศ์ อดีตรมช.คลัง ที่ลาออกไปเพราะถูกกล่าวหามีความเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ว่า เป็นคนขอให้ลาออกเอง "เมื่อมีข่าวออกมาเรื่อยๆ ก็ต้องบอกตรงๆ ผมก็เป็นคนบอกให้ลาออกเอง"
จากที่เคยเข้าใจกันมาตลอดว่า การลาออกของ "วรภัค" เพื่อเคลียร์คัทปัญหาสแกมเมอร์ ไม่ให้ลามเข้าไปถึงในทำเนียบรัฐบาลในครั้งนั้น เป็นการแสดงสปิริตของเจ้าตัวเอง
แต่เมื่อนายกฯ อนุทิน ออกมาสารภาพเป็นผู้กดปุ่มเองแบบนี้ การปิดห้องคุยกับผู้กองธรรมนัส ก็ย่อมคิดกันไปได้ว่า ในสถานการณ์ที่กระแสสแกมเมอร์ กำลังเป็นไฟกระพือโหมเข้าใส่รัฐนาวา ก็อาจถึงคราวต้องตัดเนื้อร้ายกันอีกครั้ง
ส่วนจะเป็นชิ้นขนาดใด ต้องรอดูว่าตัดแค่ไหนถึงจะรักษาลมหายใจของรัฐบาลชุดนี้เอาไว้ได้ ถ้าถึงขั้นต้องปิดห้องคุยกันสองคนตามข่าว ก็คงไม่มีเรื่องอื่นที่ใหญ่ไปกว่านี้


