DeepSPACE พรรคเพื่อไทย เดินหน้าเผาสะพานทิ้ง?!

24 ก.ย. 2568 - 03:45

  • พรรคเพื่อไทยยังปะทะกับพรรคส้มไม่เลิก แม้จะเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน

  • ส่วนภูมิใจไทย ประตูพรรคไม่เคยปิด มีนักการเมืองเดินเข้าตลอดเวลา หามิตรเพิ่มตลอด

  • การนั่งสนทนาระหว่างอภิสิทธิ์ กับ อนุทิน น่าจะมีอะไรมากกว่าที่เห็น

DeepSPACE พรรคเพื่อไทย เดินหน้าเผาสะพานทิ้ง?!

Deep SPACE   พรรคเพื่อไทยหลังจากหลุดจากรัฐบาล ก็ยังไม่พลิกฟื้น  ขยันทำลายมิตรต่อเนื่อง  โดยไม่คิดว่าการเมืองไทยไม่มีอะไรแน่นอน  ต่างกับพรรคภูมิใจไทยที่ขยันหาเพื่อน ขยายเครือข่าย เพื่อปูทางต่อหลังหมดอายุ 4 เดือน  ติดตามในDeep SPACE..ลึกกว่าที่รู้

ในขณะที่พรรคภูมิใจไทย เดินหน้าเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.รายวัน พรรคมีแต่คนเดินเข้า ไม่มีเลือดไหลออก แถมยังทำการบ้านไว้ล่วงหน้า แตะมือเป็นพันธมิตรกับบางพรรคการเมืองไว้อย่างน้อยสองพรรค คือ กล้าธรรม กับประชาธิปัตย์

ภาพที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ไปพบกับ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ถึงในถ้ำอาคารซิโน-ไทย ในวันก่อน จึงมีอะไรที่มากกว่าการไปแสดงความยินดีและให้กำลังใจกันธรรมดา

เพราะ ‘มาร์ค-อภิสิทธิ์’ กำลังจะรีเทิร์นกลับคืนสู่สนามการเมือง และเป็นความหวังของคนในประชาธิปัตย์ ที่จะให้กลับมา‘กอบกู้’ ฟื้นฟูพรรคในสถานการณ์ที่อยู่ในช่วงขาลง

ประจวบเหมาะกับแฟนานุแฟนการเมืองสายอนุรักษ์พันธุ์แท้ ในวันที่ไม่มี ‘ลุงตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กอร์ปกับการล่มสลายของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงทำให้เกิดความว้าเหว่ ไม่มีพรรคไหนให้เลือก

ในสถานการณ์นี้ หากประชาธิปัตย์ สามารถ ‘ยกเครื่อง’ ใหม่ได้ทัน น่าจะมีโอกาสกลับมาแจ้งเกิดในสนามกทม.เมืองฟ้าอมรได้อีกครั้ง หลังสูญพันธุ์ต่อเนื่องกันสองสมัย ในการเลือกตั้งปี 2562 และปี 2566

นอกจากนั้น คะแนนพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยมีคนเลือกสส.บัญชีรายชื่อ มากถึง 11 ล้านเสียง ล่าสุดหล่นมาที่ 9 แสนคะแนน คงมีโอกาสกระเตื้องกลับมาอยู่ที่หลักล้านได้ไม่ยาก หากหัวหน้าพรรคคนใหม่ ดึงพรรคกลับมาอยู่บนเส้นทางอุดมการณ์เฉกเช่นม็อตโต้ในอดีตที่ว่า

‘ประชาธิปัตย์ ยืนหยัดเคียงข้างประชาชน นำเศรษฐกิจให้พ้นภัย ทำประชาธิปไตยให้มั่นคง’

เพียงแค่นี้ ก็คงทำให้ประชาธิปัตย์พ้นจากการเป็นพรรคต่ำสิบ และกลับมายืนเป็นพรรคการเมืองขนาดกลาง ที่มีสส.เกินสามสิบได้สบายๆ ตรงนี้เลยทำให้มีภาพนั่งทานข้าวมื้อเที่ยงกับ ‘เสี่ยหนู-อนุทิน’ ปรากฎต่อสาธารณะ

แตะมือกันไว้หลวมๆ ล่วงหน้า ตามประสาคนคิดการใหญ่ด้วยกัน

นอกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว นายกฯ อนุทิน ยังซื้อใจ ‘ผู้กอง’  ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้นำพรรคกล้าธรรมตัวจริงเอาไว้ล่วงหน้า แบบผูกปิ่นโตข้ามไปถึงการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันในครั้งต่อไปด้วย

การเปิดบ้านรับนักการเมือง ‘ซุ้มบ้านใหญ่’ เข้ามาอยู่กับภูมิใจไทยชั่วโมงนี้ ไม่ใช่แค่ลอกการบ้านอดีตนายใหญ่ ที่ทำให้พรรคไทยรักไทย ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งปี 2548 เท่านั้น แต่เป็นการดึงซุ้มใหญ่มารวมกันในแบบพรรคอัมโนของมาเลเซียในอดีต

ครูใหญ่แห่งภูมิใจไทย กำลังคิดการใหญ่ทำพรรคอัมโนฉบับประเทศไทยขึ้น

โดยการเลือกตั้งเที่ยวหน้า หากภูมิใจไทยสามารภกวาด สส.เข้าสภาได้ 120-150 ที่นั่ง อย่างที่ดีดลูกคิดรางแก้วไว้ บวกกับพรรคพันธมิตรที่แตะมือกันไว้ ซึ่งกล้าธรรมน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 30-40 ที่นั่ง มีบางกระแสให้ไว้มากถึง 50 ที่นั่งด้วยซ้ำ บวกกับประชาธิปัตย์อีก 30 อัพ

แค่สามพรรคนี้รวมกันก็ปาเข้าไปเกือบครึ่งสภา ดูแล้วตัวเลข 4+4 ที่พูดกันไว้เล่นๆ จึงมีโอกาสเป็นไปได้สูงยิ่ง

วันก่อนหัวหน้าพรรคส้ม ‘เท้ง’  ณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ ซึ่งประกาศพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยคนหนึ่ง ยังตอบคำถามนักข่าวแบบทีเล่นทีจริงว่า หากพรรคภูมิใจไทย ไม่บิดพริ้ว รักษาสัญญาที่ให้ไว้ ก็ย่อมมีโอกาสที่จะร่วมงานกันได้อีกในวันข้างหน้า

การเดินเกมการเมืองของพรรคภูมิใจไทยวันนี้ แตกต่างจากพรรคเพื่อไทย ที่สะสมเพลิงแค้นเอาไว้เยอะกับทั้งพรรคภูมิใจไทย ที่เคยร่วมรัฐบาลกันมาหมาดๆ และกับพรรคประชาชนที่อยู่ในซีกฝ่ายค้านด้วยกันปัจจุบัน

ภูมิใจไทย ที่แต่ละวันมีแต่ขยันหามิตรเพิ่ม ในขณะที่เพื่อไทย วันๆ เอาแต่ผลักมิตรไปเป็นศัตรู ช่องว่างความสัมพันธ์ที่มีระยะห่างพออยู่แล้ว ยิ่งถ่างกว้างมากขึ้น จนยากที่จะกลับมากระชับกันเหมือนเดิมได้

ล่าสุดนายกฯ อนุทิน ถึงกับบอกความสัมพันธ์กับเพื่อไทยว่า ‘ไม่ใช่รักร้าวหรอก แต่มันแตกหมดแล้ว’ แต่ตามประสาคนที่พ่อสอนมา ‘โกรธร้อยครั้ง ไม่เท่าอภัยครั้งเดียว’ อนุทิน จึงไม่ถึงขั้น สบั้นสัมพันธ์กับเพื่อไทยเสียทีเดียว จึงตัดพ้อผ่านสื่อไปว่า

‘ลืมไปทุกอย่าง ถึงเวลาค่อยมาว่ากันใหม่ ตอนนี้ขอแข่งกับตัวเองก่อน ขนาดวันนี้ยังไม่ได้เข้าทำงานเลย ยังโดนเหมือนทำงานมาแล้วเดือนสองเดือน ตรงไหนประสานได้ มีความพร้อมต้องรีบประสาน’

นับว่ายังยึดมั่นในคำที่พ่อสอนเอาไว้อยู่ ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะเคยผ่านปฏิบัติการ ‘ไล่หนู ตีงูเห่า’ กันมาแล้ว สุดท้ายก็ยังมาจับมือผสมพันธุ์กันข้ามขั้วได้

แต่หนนี้สำหรับพรรคเพื่อไทย ที่เปิดศึกกับทั้งพรรคน้ำเงินและพรรคส้ม ‘จิกกัด’ ด่าทอรายวัน ถึงขนาดประธานวิปฝ่ายค้าน ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพฒน์สกุล มองว่า ‘อาจจะเป็นอารมณ์ค้างอยู่ แต่คิดว่าเลยเวลามานานแล้ว  ปล่อยอารมณ์ตัวเองออกมาบ้าง แล้วใช้เหตุผลกลับมาทำงานร่วมกันดีกว่า’

เมื่อถูกคนการเมืองที่ตัวเองเรียกว่า ‘พรรคเด็ก’ ออกมาอบรมเข้าแบบนี้ ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ประกาศตัวเองเป็นพรรคผู้ใหญ่ แต่ถ้าผู้ใหญ่ทำตัวเป็นเฒ่าทารก ในอนาคตนอกจากเด็กจะไม่ให้ความเคารพแล้ว การจะไปจับมือทำงานร่วมกับใครก็คงยาก

ยกเว้นว่าพรรคเพื่อไทย ได้ สส.เข้าสภาเกินสองร้อยเสียงอย่างที่ประกาศไว้ ก็ไม่ต้องวิ่งไปหาใคร เพราะจะเป็นฝ่ายเลือกคนที่วิ่งเข้าหาแทน แต่ในสถานการณ์ขาลงแบบนี้ รักษาความเป็นพรรคขนาดใหญ่หนึ่งร้อยเสียงเอาไว้ยังยากเลย

เพราะฉนั้น คำพูดที่คนเพื่อไทย สรรหามาว่ากล่าว ‘ทิ่มแทง’ ทั้งพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน ถ้าคิดว่าเป็นยุทธวิธี‘กระทืบ’พรรคส้ม เพื่อหวังดึงมวลชนกลับมาสนับสนุนตัวเองแทนนั้น น่าจะได้ไม่คุ้มเสีย

เพราะพฤติกรรมที่ทำกับทั้งสองพรรคนั้น ไม่ต่างจากการเผาสะพานทิ้ง ที่ในวันข้างหน้าหากพรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องใช้ ก็จะไม่มีทางเดินที่เชื่อมถึงกันได้อีก

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์