เวทีนี้มีแต่คนใน ปิดประตูไม่มีคนนอก

5 ส.ค. 2568 - 04:03

  • กระแสข่าวเรื่องนายกฯ คนใหม่เริ่มดังขึ้น

  • เวทีนี้สงวนไว้เฉพาะ “คนในระบบ” เท่านั้น

  • การเมืองอาจมีการ “สร้างขั้วใหม่” ได้

เวทีนี้มีแต่คนใน ปิดประตูไม่มีคนนอก

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ถูกคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เพิ่งครบกำหนดขอขยายเวลาส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาปมคลิปเสียง "อังเคิ้ลฮุน" ให้ศาลรัฐธรรมนูญไปเมื่อวานนี้(4 ส.ค.68)

ขณะที่ซองเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาอยู่ระหว่างเดินทางไปศาล เสียงพูดถึงใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ก็ดังหนาหูตีคู่ขึ้นมา โดยไม่รอการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อนว่าผลจะออกมาอย่างไร

เหมือนกับเดาทางกันไว้ล่วงหน้า งานนี้อย่างไรก็คงไม่รอดแน่!!

แม้แต่สื่อเอง ยังไปสอบถามกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ว่านายกรัฐมนตรี จะตัดสินใจลาออกก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยจริงหรือไม่ ซึ่งคำตอบที่ได้คือ "ยืนยันว่ายังไม่มี วันนี้ไม่มี.."

คำว่า วันนี้ยังไม่มี ไม่ได้หมายความว่า วันพรุ่งนี้จะไม่มี?

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ เคยมีผู้ยกกรณี พิชิต ชื่นบาน มาเทียบเคียงว่า หลังลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ศาลได้ยกคำร้อง เนื่องจากเหตุที่จะนำไปสู่การินิจฉัยนั้น ไม่มีอยู่แล้ว แต่ก็มีผู้เห็นแย้งว่า

การลาออกหาไช่เป็นบทสรุปให้ศาลยกคำร้องเสมอไปไม่ เพราะศาลยังต้องใช้ดุลยพินิจว่า การพิจารณาต่อจะเกิดประโยชน์ต่อสังคมหรือไม่ ดังนั้น การชิงลาออกก่อน จึงไม่ใช่คำตอบที่จะปิดจบปัญหาลงได้

ทีนี้กลับมาที่บทสนทนาว่าด้วยนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ที่มีบางกระแสพูดไปไกลถึง "คนนอก" ด้วยซ้ำ ซึ่งมือกฎหมายรัฐบาล ชูศักดิ์ ศิรินิล ที่หลบกระสุนปืน ค.เขมร หายจากหน้าสื่อไปพักใหญ่ ออกมาชี้แจงเรื่องนี้แบบใจร่ม ๆ ว่า

จากประสบการณ์ของตนที่ผ่านมา ส่วนใหญ่นายกรัฐมนตรีคนนอกจะมาจากแนวคิดนอกระบบ สังเกตดูว่านายกรัฐมนตรีจากมาตรา 7 หรือมาตราใดๆ มักจะเข้ามาในช่วงเวลาที่มีสถานการณ์แบบนี้ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ปฏิเสธการเมือง และนำอำนาจนอกระบบมาเป็นรัฐบาล ส่วนตัวคิดว่าเป็นไปได้ยาก

“ถามว่าทำไมคุณข้ามนายชัยเกษม นิติสิริ นอกจากคุณชัยเกษม ก็ยังมีคุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หรือใครต่อใคร ถ้ามันเกิดอะไรขึ้น คนเหล่านี้ก็ยังคงเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ก็จะถูกข้ามจากระบบไปเลย” ชูศักดิ์ย้ำ

สว.อังคณา นีละไพจิตร มองในมุมเดียวกับมือกฎหมายรัฐบาล ที่ให้เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หากน.ส.แพทองธาร ถูกศาลสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง และเลือกจากบัญชีของพรรคการเมืองที่มีอยู่

"พรรคเพื่อไทยควรเสนอนายชัยเกษม มาเป็นนายกฯ ยกเว้นนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ไว้ใจนายชัยเกษม ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ในพรรคร่วมรัฐบาลมีคนที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ เหลืออยู่หรือไม่ หากไม่เหลือก็ต้องกลับมาที่สภา ซึ่งในส่วนของวุฒิสภาหมดอำนาจเลือกนายกฯ แล้ว ฉะนั้น อำนาจในการเลือกนายกฯ ทั้งหมดอยู่กับสภาผู้แทนราษฎร"

แต่ก็ไม่วายมีการถามถึงนายกฯ คนนอก ตามกฎหมายสามารถทำได้หรือไม่?

เรื่องนี้ไม่ว่าใครจะหลงๆ ลืมๆ อะไรไปบ้างก็ตาม วันนี้รัฐธรรมนูญบทเฉพาะกาล มาตรา 272 ได้สิ้นสภาพไปนานแล้ว ดังนั้น บทบัญญัติในมาตรานี้ที่เปิดช่องให้นำคนนอกมาเป็นนายกฯ ได้ โดยใช้เสียงของที่ประชุมรัฐสภาไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ยกเว้นไม่ต้องเลือกคนจากบัญชีของพรรคการเมืองนั้น

ไม่สามารถนำมาตรานี้มาใช้ได้อีกต่อไป และสภาผู้แทนราษฎรต้องเลือกคนจากบัญชีของพรรคการเมืองเท่านั้น

โดยต้องเป็นพรรคการเมืองที่มีคุณสมบัติครบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 คือ มีจำนวนสส.ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ณ วันที่ต้องเลือกนายกฯ ไม่ใช่วันที่ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง อย่างที่บางพรรคเข้าใจก่อนหน้านี้

นาทีนี้หากไล่ชื่อตามจำนวนเสียงแล้ว มีแคนดิเดทนายกฯ เหลืออยู่ 5 คน ประกอบด้วย ชัยเกษม นิติสิริ  พรรคเพื่อไทย อนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค พรรครวมไทยสร้างชาติ และคนสุดท้าย จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ พรรคประชาธิปัตย์

วันนี้ถ้าให้สภาชุดนี้เป็นคนเลือกนายกฯ ก็ต้องเลือกจากห้าคนนี้เท่านั้น เวทีนี้สงวนไว้เฉพาะคนใน  ไม่มีคนนอก

ส่วนบรรดาเห็บเหาทั้งหลาย หากเห็นว่าสภาพหมาที่เกาะอยู่นั้น กำลังอ่อนแรง จะชิงกระโดดหนีไปจับกับขั้วใหม่ "สร้างขั้วใหม่" ขึ้น ในทางการเมืองถือว่าทำได้ ไม่มีข้อห้ามไว้

ยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ หากอธิบายด้วยเหตุผลของชาติ ต้องยอมสลัดตัวเองออกมา เพื่อให้บ้านเมืองอยู่รอดปลอดภัย ไม่สุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดน  จะยิ่งดูเท่เข้าไปใหญ่

แถมมีสิทธิ์ได้ฟอกเทพ ฟอกมาร ฟอกขาว ฟอกดำ ไปในตัวพร้อมกันด้วยซ้ำ!!

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์