นับจากวันนี้ไปอีกหนึ่งเดือนเศษ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่งคดีบังคับโทษ ทักษิณ ชินวัตร ในวันอังคารที่ 9 กันยายน 2568 หลังไต่สวนพยานปากสุดท้ายไปในวันพุธที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา
เรื่อง "ป่วยเท็จ" มติแพทยสภาลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว เหลือโทษ "จำคุกทิพย์" ที่รอศาลตัดสิน?!
ที่ระทึกคือ ในวันตัดสิน หรือวันนัดฟังคำสั่งการบังคับโทษเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ นอกจากศาลให้ออกหมายเรียกทักษิณ ซึ่งเป็นจำเลยมาฟังคำสั่งแล้ว ยังให้ออกหมายเรียกผู้บัญชาการเรือนจำคนปัจจุบันมาฟังด้วย
แต่ วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ มองเป็นเรื่องกระบวนการปกติของศาล ที่ไม่มีนัยสำคัญอะไร
"ไม่มีนัยยะสำคัญอะไรแน่นอน เพราะเป็นเรื่องกระบวนการไต่สวนบังคับโทษอยู่แล้ว คือกรมราชทัณฑ์ ซึ่งผู้บัญชาการเรือนจำเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ ศาลจึงออกหมายเรียกเพื่อให้เข้ามาฟังคำสั่งศาล"
วิญญัติ ตั้งข้อสังเกตไปที่การไต่สวนการบังคับโทษแบบนี้ต่างหาก ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถือเป็นเรื่องที่ประชาชนในสังคมจะต้องจับตามองการฟังคำสั่ง และต้องมาดูกันอีกครั้ง ซึ่งตนและทีมทนายได้ยื่นหลักฐานต่อศาลไปทั้งหมดแล้ว
เมื่อถามถึงความคาดหวังต่อพยานปากสุดท้าย (วิษณุ เครืองาม) จะทำให้ส่งผลดีต่อคดีขนาดไหน วิญญัติตอบอย่างระมัดระวังว่า เรื่องนี้ตนไม่มีความเห็น เพราะไม่อยากไปก้าวล่วงดุลยพินิจของศาล
ด้านพยานที่ทีมทนายความนำมาเป็นพยานปากสำคัญ วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ และรักษาการ รมว.ยุติธรรม ในขณะที่ทักษิณ เดินทางกลับประเทศมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม คำให้การสำคัญที่สื่อจับประเด็นมานำเสนอ คือ
"มีนักโทษหลายคนถูกแยกคุมขังเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการประทุษร้าย ไม่ใช่เป็นการให้สิทธิพิเศษ"
วิษณุ ให้การว่าได้เดินทางไปพิจารณาสถานที่กักขังของนักโทษรายสำคัญหลายราย เพื่อประกอบการตัดสินใจ แต่ไม่ได้มีการเตรียมการสำหรับการย้ายตัวไปรักษาพยาบาลนอกทัณฑสถาน แต่มีการหารือว่าหากมีการเจ็บป่วยจะต้องส่งตัวไปที่โรงพยาบาลใด ซึ่งเบื้องต้นตั้งหลักให้เป็นโรงพยาบาลของรัฐ แต่หากมีอาการป่วยจำเพาะที่ต้องการหมอเฉพาะทางให้พิจารณาตามโรงพยาบาลที่มีข้อตกลงร่วม
วิษณุ รับว่า ได้พบทักษิณที่สถานพยาบาลในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ซึ่งได้เข้าไปพร้อมคณะเจ้าหน้าที่ ได้พูดคุยกับทักษิณเป็นระยะเวลา 20 นาที ณ ขณะนั้น ยืนยันว่าไม่ได้มีการพูดถึงการพักโทษหรือการย้ายตัวคุมขัง แต่ทางจำเลยสอบถามเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งต่อมาทักษิณได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่เรื่องไม่ผ่านมาที่ตนในฐานะรักษาราชการแทน รมว.ยุติธรรม
นอกจากนี้ ยังได้พูดถึงปัญหาสุขภาพของทักษิณ และการออกกำลังกายในครั้งที่อยู่ต่างประเทศ โดยได้ให้คำแนะนำว่าหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการต่าง ๆ ตามกฎหมาย อยากให้ทักษิณได้บวชเข้าสู่ทางธรรม ซึ่งทักษิณแจ้งว่ามีปัญหาส่วนตัวเล็กน้อยจึงไม่สะดวก
สุดท้ายเรื่องการส่งตัวทักษิณ ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจในช่วงกลางดึกของวันที่ 22 ส.ค. 2566 วิษณุให้การว่า ได้ทราบข้อมูลภายหลังการส่งตัวแล้วจากปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งก่อนหน้าทักษิณระบุว่าต้องการไปโรงพยาบาลย่านพระราม 9 ซึ่งตามระเบียบเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ทีนี้ไปดูความเห็นของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ซึ่งสรุปประเด็นคำให้การอาจารย์วิษณุเป็นข้อ ๆ รวม 5 ข้อ โดยในข้อที่ 4 เขียนไว้ว่า "อาจารย์วิษณุบอกว่า ไปพูดคุยกับนักโทษทักษิณในสถานพยาบาล ไม่มีอุปกรณ์แพทย์ ใส่เสื้อยืดขาว กางเกงขาสั้นไม่แน่ใจสีดำหรือน้ำตาล"
และสรุปไว้ในตอนท้ายว่า "ฟังการให้ปากคำของอาจารย์วิษณุ ไม่เป็นคุณต่อนักโทษ เหมือนพยายามที่จะแยกตัวเองออกมา บางครั้งพูดวกวน"
ฟังความเห็นจากรอบทิศ ข่าวสารที่ออกมาดูค่อนไปทางไม่เป็นคุณกับทักษิณมากนัก ดังนั้น ต้องจับตาท่าทีต่อจากนี้ โดยเฉพาะหลังพ้นบ่วงคดี มาตรา 112 ในวันที่ 22 สิงหาคมแล้ว สามารถเดินเหินไปต่างประเทศได้ ไปแล้วจะไปลับเลยหรือจะกลับมาฟังคำสั่งศาลตามนัดหรือไม่
ต้องรอดูวันที่ศาลนัด บังเอิญตรงกับวันรัฐประหาร 9 กันยายน 2528 ที่ผ่านมาครบ 40 ปีพอดี รอลุ้นกันว่า 9 กันยาปีนี้ "ทักษิณ" จะมาตามนัดหรือไม่?!