หมดสิ้นข้อกังขากันเสียที สำหรับวลีที่ใช้เอ่ยอ้างกันมานาน เรื่องคุกไทยมีไว้ขังคนจน เมื่อ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้ยิ่งใหญ่ในสายตาของใครต่อใคร ยอมจำนนต่ออำนาจกฎหมาย กลับเข้าเรือนจำไปอีกคำรบ ตามคำสั่งของศาล
เหตุเพราะการบังคับโทษจำคุกตามหมายขังหนก่อนไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นับเป็นการสูญสิ้นอิสรภาพ ถูกนำตัวไปจำขัง ในห้วงเวลาเดียวกับที่พรรคเพื่อไทย อยู่ในภาวะสูญเสียอำนาจ ต้องออกมารับบทฝ่ายค้าน อีกทั้งภายในพรรคเองก็ระส่ำ ลูกพรรคเริ่มตีจาก กระโดดหนีกระแสพรรคที่อยู่ในช่วงขาลง
แต่ในช่วงบ่ายอ่อนวันเดียวกัน หลังทำใจกับการที่พ่อต้องถูกนำตัวไปขังคุกแล้ว แพทองธาร ชินวัตร ที่ไม่มีบิดาอยู่ข้างกาย ได้เดินทางเข้าพรรคเพื่อไทย นั่งหัวโต๊ะประชุมทั้งกรรมการบริหารพรรคและสส.พรรคประจำสัปดาห์
หลังการประชุม ดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคฯ ออกมาสื่อสารถึงเนื้อหาการพูดคุย ซึ่งหลักใหญ่ใจความสำคัญคือ การจัดทัพเตรียมพร้อมรับมือการเลือกตั้งครั้งใหม่ ที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้
"ได้มีการนำคำสั่งเก่าๆ มาพูดคุยเรื่องของการเลือกตั้ง รวมถึงการนำปฏิทินมากางตารางดูว่าจะเลือกตั้งอีกครั้งเมื่อไหร่ วันนี้จึงเป็นการประกาศเดินหน้าสู่การเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ พรรคเพื่อไทยพร้อมในเรื่องของผู้สมัคร อย่างช้าที่สุดก็ภายในกลางเดือนหน้า คาดว่าเราจะมีผู้สมัครครบ 400 เขต"
พรรคเพื่อไทย ถือฤกษ์ประกาศจัดทัพเตรียมความพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ในวันเดียวกับที่ขาดผู้นำทางจิตวิญญาณ เสมือนต้องการสื่อให้เห็นว่า การเข้าคุกของทักษิณ ไม่ได้มีผลต่อการสูญเสียขวัญกำลังใจของพรรค
ในวันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งประชุมครม.ชุดรักษาการนัดสุดท้าย ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ตรากตรำงานอย่างหนักในช่วงรักษาการนายกฯ จนน้ำหนักหายไปกว่า 10 กิโลกรัม ยืนยันจะกลับมาขับเคลื่อนพรรคเพื่อไทยต่อ พร้อมกับสมาชิกอีกหลายคนที่เป็นเลือดแท้เช่นกัน
"เมื่อได้พูดคุยกันทั้งหมดแล้ว พวกเราพร้อมที่จะทำพรรคต่อไป โดยยังยึดมั่นในอุดมการณ์ ซึ่งพรรคเพื่อไทยยังมีต้นทุนอยู่ อย่างน้อยประชาชน 10 ล้านคน ยังรักและผูกกพัน เราจึงมีหน้าที่ที่จะต้องทำงานต่อไป และคนในพรรคเพื่อไทยเข้มแข็งพร้อมที่จะสู้ ส่วนใครจะทำอะไรต่อไปถือว่าเป็นเอกสิทธิ์"
การขับเคลื่อนของพรรคเพื่อไทยวานนี้ สอดรับกับข้อความที่ทักษิณโพสต์ผ่านเฟสบุ๊ก โดยทีมงานเป็นผู้ดำเนินการแทนหลังศาลมีคำสั่งให้กลับเข้าไปรับโทษในเรือนจำ 1 ปี โดยระบุไว้ในช่วงท้ายว่า
"จากวันนี้แม้ผมจะไร้อิสรภาพ แต่ยังมีเสรีภาพทางความคิดเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ผมจะรักษาความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อใช้เวลาในชีวิตที่เหลืออยู่ รับใใช้สถาบันพระมหากษัตริย์ แผ่นดินไทย และประชาชนคนไทย ไม่ว่าจะในสถานะใดนับจากนี้"
ขณะที่แพทองธาร ซึ่งเป็นคนเดียวที่ให้สัมภาษณ์หลังศาลมีคำสั่ง บอกสั้นๆ ว่า "วันนี้เป็นประวัติศาสตร์อีกเรื่องหนึ่ง ที่นายกรัฐมนตรีคนแรกต้องจำคุกในเรื่องนี้ ก็อาจจะค่อนข้างหนักนิดนึง แต่กำลังใจดีทั้งคุณพ่อและครอบครัว ภูมิใจที่คุณพ่อสร้างประวัติศาสตร์มากมายให้ประเทศ ย่อมเป็นห่วงในฐานะลูก"
จากลีลาท่วงท่าข้างต้นของคนเพื่อไทย รวมทั้ง "ทักษิณ-แพทองธาร" ที่สื่อสารออกมา คงไม่ใช่แค่การเขียนประวัติศาสตร์เรื่องการเป็นอดีตนายกฯ ไทยคนแรกที่ถูกจำคุกเท่านั้น
แต่ทั้งหมดจะถูกนำมาแปรเปลี่ยนเป็นพลังในการก้าวเดินต่อบนถนนการเมือง เพื่อก้าวเข้าสู่อำนาจต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะในภาวะเหี่ยวเฉาของพรรคเพื่อไทยยามนี้
การสูญสิ้นอิสรภาพในห้วงเวลาหนึ่งปีต่อจากนี้ของทักษิณ จึงเป็นปุ๋ยทางการเมืองอย่างดีให้กับพรรคเพื่อไทย อย่างน้อยคงเป็นแรงขับ แรงผลัก เรียกคะแนนความเห็นใจได้บ้างตามประสาไทยๆ รักษาความเป็นพรรคใหญ่เอาไว้
ไม่ให้ตกชั้นเป็นพรรคต่ำร้อยอย่างที่ถูกปรามาส