คณะรัฐมนตรีสีเทา ระเบิดเวลารัฐบาล ‘อนุทิน’

8 ก.ย. 2568 - 03:03

  • นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เป็นของอนุทิน ชาญวีรกูล เรียบร้อยชัดเจน

  • รัฐบาลที่มีวันหมดอายุในอีก 4 เดือนข้างหน้า ยังต้องเข้มงวดเรื่องจริยธรรม

  • เพื่อไทยถูกเขี่ยออกไปเป็นฝ่ายค้านผสมแค้นประกาศตามติดทุกเรื่อง

คณะรัฐมนตรีสีเทา ระเบิดเวลารัฐบาล ‘อนุทิน’

ขณะที่อีกด้านมี สส.เข้าชื่อกันไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ยื่นเรื่องผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณา ‘วินิจฉัยสมาชิกภาพ’ การเป็น สส.ของ อนุทิน ชาญวีรกูล, ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ กรณีตกลงกันสนับสนุนอนุทินเป็นนายกฯ แลกกับการยุบสภาภายใน 4 เดือน

ปฏิบัติการที่เรียกว่า ‘นิติสงคราม’  จากอีกฝ่ายมาเร็วกว่าที่คิด เสมือนแทนบุปผามาลาหลากสีจากหลากทิศ ที่ผู้คนหอบไปแสดงความยินดีกับนายกฯ คนที่ 32 ไม่เว้นแม้แต่ คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ และอดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน

แต่คนเพื่อไทย กลับแสดงออกในวันเดียวกันด้วยการยื่นร้องเอาผิด ‘เสี่ยหนู-อนุทิน’ ละเมิดรัฐธรรมนูญ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ หนึ่งในผู้ร่วมลงชื่อยอมรับว่า พรรคเพื่อไทยเป็นหลักในการดำเนินการเรื่องนี้

‘ในฐานะฝ่ายค้าน ต้องมองความหวังของประชาชนในภาวะที่ต้องมีรัฐบาลที่ธำรงในหลักนิติธรรม ไม่ถูกแทรกแซง’

พ.ต.อ.ทวี ยังจองกฐินล่วงหน้าไว้อีกสองเรื่อง ทั้งประเด็นการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี และกรณีความ‘ซื่อสัตย์สุจริต’ เป็นที่ประจักษ์ของนายกฯ คนใหม่ ที่ถูกตรวจสอบเรื่องฮั้วสว.และที่ดินเขากระโดง

‘เรื่องนี้ทำเมื่อใดก็ได้ เราต้องเป็นฝ่ายค้านอย่างมีเหตุผล’

ไม่นับรวมการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่ พ.ต.อ.ทวี ยืนยันสามารถยื่นได้ทันทีหลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพราะฝ่ายค้านมีเกือบ 300 เสียง

‘วันนี้พลวัตแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้น มีรัฐบาลเสียงข้างน้อย ดังนั้นเขาต้องรู้ตัวว่าต้องทำงานยึดกฎหมาย ยึดรัฐธรรมนูญ เดิมต้องใช้อำนาจขององค์กรอิสะตรวจสอบ แต่ขณะนี้อำนาจเสียงส่วนใหญ่อยู่ที่สภาฯ มีฝั่งฝ่ายค้านเกือบ 300 เสียง แค่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีก็หมดอำนาจแล้ว’ พ.ต.อ.ทวี ย้ำไว้แบบนี้

การทำหน้าที่ตรวจสอบของฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะยึดกลไกตามครรลองที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ หรือเกิดจาก ‘แรงพยาบาท อาฆาตแค้น’ ก็ตาม หากดูจากข่าวพบว่า ได้ยื่นเรื่องเอาผิดสองสส. ‘อนุทิน-ณัฐพงษ์’  ไปตั้งแต่วันศุกร์ที่ 5 กันยายน ในเวลา 11.38 น.ก่อนหน้าการโหวตนายกฯ คนใหม่ด้วยซ้ำ

ล่าสุด วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เตรียมลงนามส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้(8 กันยายน 2568) หลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องไปตั้งแต่วันศุกร์ที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา

ต่อจากนี้ผิดถูกอย่างไร  ‘รับหรือไม่รับ’ ไว้พิจารณาเป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีนักกฎหมายบางคนเห็นว่า ข้อตกลงหรือเอ็มโอเอ ที่ลงนามกันไว้นั้น ไม่มีสภาพ‘บังคับ’ เป็นกฎหมายและไม่เข้าข่าย‘ขัด’ ต่อรัฐธรรมนูญ

โดยเฉพาะประเด็นข้อกล่าวหา ใช้สิทธิล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย กระทำการที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้น

นับเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรง ซึ่งอาจจะไปไม่ถึงและสุดท้ายคงเป็นได้แค่ ‘ขัดใจเพื่อไทย’ เท่านั้นเอง

แต่นายกฯ หนู คงตั้งตนอยู่บนความประมาทไม่ได้

เพราะนายกฯ สองคนก่อนหน้านี้ ‘เศรษฐา-แพทองธาร’  ต่างมีอันเป็นไป ตกเก้าอี้ด้วยเหตุแห่งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมาแล้ว

ดังนั้น นายกฯ หนู พึงต้องสังวรระมัดระวังให้มาก โดยเฉพาะการตั้งรัฐมนตรี ต้องไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติสีเทา ๆ ประเภทที่ "วิญญูชน" รู้หรือพึงรู้?! เพราะหากพลาดท่าขึ้นมา มีสิทธิถูกร้องปมจริยธรรม ตกจากเก้าอี้นายกฯ ได้ง่าย ๆ

เช่นเดียวกับการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ จากปัญหากรรมเก่าทั้งที่ดินเขากระโดง ฮั้วสว.ไปจนถึงที่ดินสนามกอล์ฟปากช่อง และการใช้ถนนสาธารณะเป็นที่ขึ้นลงเครื่องบินส่วนตัว หากคุยกับพรรคส้มไม่รู้เรื่อง และหมิ่นเหม่จะถูกเชือดคาสภา คงต้องเลือกกระโดดเรือหนีเอาชีวิตรอดก่อน

ตามสูตรถนัดของนักการเมือง ที่มักใช้วิธีหนีไปตั้งหลักก่อนเมื่อถึงคราวคับขัน

โดยเฉพาะในครม.ชุดนี้ ถ้ามีรัฐมนตรีสีเทา น่าจะเป็นสายล่อฟ้าและระเบิดเวลา ที่ทำให้รัฐนาวาอนุทิน อับปางลงซ้ำรอยสองนายกฯ ก่อนหน้านี้ และอาจไปก่อนครบกำหนดสี่เดือนด้วยซ้ำ

เชื่อว่าพรุ่งนี้ คอการเมืองคงรอดูคำพูดของอนุทินที่บอก "ผมไม่ได้ติดหนี้บุญคุณใคร"?!

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์