สัปดาห์ที่แล้ว ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข หรือร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่มีณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นประธานได้ใช้เวลา‘ถก’ มาตรา 3 ที่ห้ามไม่ให้นิรโทษกรรมความผิด มาตรา 112 อยู่นานร่วม 3 ชั่วโมง แต่ไม่ได้ข้อสรุปจะแก้ไขอย่างไร
หลังมีมติเฉียดฉิว 12 ต่อ 11 เสียง ให้ปรับปรุงเนื้อหาในมาตรา 3
‘ณัฐวุฒิ’ ประกาศไว้เปิดประชุมมาสัปดาห์นี้ ที่นัดไว้ในวันที่ 28 สิงหาคม เวลา 13.00 น.จะขอมติที่ประชุมทันทีจะให้แก้ไขแบบไหน ซึ่งมีผู้เสนอไว้ 5 แนวทางด้วยกัน จากนั้น จะได้พิจารณาในมาตรา 4 ต่อไป
โดยทั้ง 5 แนวทางที่มีผู้เสนอไว้นั้น ประกอบด้วย
1.ให้ตัดเงื่อนไขการนิรโทษกรรมส่วนของ ‘การกระทำความผิดส่วนตัว’ ออกไป
2.ให้เพิ่มเติมถ้อยคำ ‘ให้ผู้กระทำความผิดที่อายุไม่เกิน 18 ปี’ ในขณะที่กระทำความผิดได้รับการนิรโทษกรรม
3.ให้เพิ่มเงื่อนไข ‘ห้ามนิรโทษกรรม’ กับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ฐานที่ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
4.เป็นข้อเสนอที่ ‘ผสมระหว่างแนวทางที่ 2-3’ เข้าด้วยกัน คือ เพิ่มเงื่อนไขห้ามนิรโทษกรรม กับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 และเว้นการเอาผิดผู้กระทำความผิดที่อายุไม่เกิน 18 ปี ในขณะที่กระทำผิด
5.ปรับปรุงเนื้อหา โดยเพิ่มเงื่อนไขห้ามนิรโทษกรรมให้กับความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
ทั้งหมด ‘วนเวียน’ อยู่กับการแก้ไขเนื้อหาในมาตรา 3 ที่มาในเสื้อคลุมของการ ‘ปรับปรุง’ เพื่อเลี่ยงการแก้ไขไม่ให้ไปกระทบกับหลักการของกฎหมายที่เขียนไว้ ไม่ให้นิรโทษกรรม 3 กลุ่ม คือ คดีทุจริตคอร์รัปชั่น, คดีมาตรา 112 และคดีความผิดร้ายแรงทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
เกชา ศักดิ์สมบูรณ์ รองประธานคณะกรรมาธิการฯ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นเจ้าของร่างกฎหมายฉบับนี้ ยืนยันการปรับปรุงตามที่ได้มีมติไป ยังไม่มีการแก้ไขให้ผิดไปจากหลักการเดิม
‘การนิรโทษกรรมให้กับเยาวชนที่อายุไม่ถึง 18 ปี ที่มีข้อสังเกตในคดีความผิดมาตรา 112 นั้น ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะแก้ไขอะไร ในถ้อยคำใดบ้าง ต้องรอดู ซึ่งในชั้นนี้คดีผิดมาตรา 112 ยังไม่ถูกตัดออกไป ยังถือเป็นข้อยกเว้นไม่นิรโทษกรรมให้ ส่วนเนื้อหามาตรา 3 จะปรับปรุงอย่างไรนั้น ต้องหารือในที่ประชุมอีกครั้ง’
‘นิกร จำนง’ หนึ่งในกรรมาธิการฯ จากพรรคชาติไทยพัฒนา ให้ความเห็นไว้เช่นกันว่า ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนจะปรับปรุงรูปแบบใด ต้องรอการประชุมในสัปดาห์นี้อีกครั้ง แต่ยอมรับตัวเองเป็นเสียงข้างน้อยที่เห็นว่าควรคงไว้ตามเนื้อหาเดิม
‘หากแก้ไขเปลี่ยนแปลงใดๆ อาจจะทำให้ขัดกับหลักการที่สภาได้รับและส่งผลให้ไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภาได้’
นิกร บอกถึงประสบการณ์กว่า 20 ปีในการทำกฎหมายนิรโทษกรรมว่า มักจะ ‘มีอันเป็นไป’ ทุกครั้งที่ไปแตะเรื่อง มาตรา 112 และที่สำคัญครั้งนี้มีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ ‘ยุบ’ พรรคก้าวไกลรองรับเอาไว้ด้วย ดังนั้น นอกจากจะเสี่ยงต่อการทำผิดหลักการที่สภารับไว้ในวาระแรกแล้ว ยังหมิ่นเหม่ต่อการฝ่าฝืนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอีกด้วย
นิกร มองว่าตรงนี้อาจเป็นเหตุผลที่สภาจะ ‘ไม่ให้ความเห็นชอบ’ ร่างกฎหมายฉบับนี้ และแนะให้กรรมาธิการเสียงข้างมากยึดตามร่างเดิม เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ตรากฎหมายนิรโทษกรรมได้สำเร็จ ส่วนคดีที่มีความละเอียดอ่อนก็ค่อยไปหาช่องทางอื่นดูแลกันต่อไป
นิกร ยังถือโอกาส ‘กระตุกเตือน’ นักการเมืองด้วยกันแบบแรงๆ ว่า อย่าแก้เพียงแค่ต้องการเอา‘หล่อ’ หลอกเด็กให้มีความหวัง หรือสร้างความหวังลมๆ แล้งๆ ให้กับเด็ก เพราะเป็นการ ‘ใจดำ’ กับเด็กมากไป ที่จับเอาเด็กมาเป็นตัวประกัน
ฟังดูแล้ว การออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่เฝ้าเพียรกันมานาน เที่ยวนี้ก็คงไปต่อลำบากอีกนั่นแหล่ะ ไหนจะขัดลำกันเรื่องการแก้ไขหลักการ ขณะที่สถานการณ์การเมืองก็ไม่เป็นใจ ไม่รู้สภาที่มีรัฐบาลเสียง‘ปริ่มน้ำ’ จะไปต่อได้อีกกี่วัน
เบื้องต้นคงเป็นหน้าที่ของกรรมาธิการฯ ที่จะไปเคาะกันเองว่าจะเอาแบบไหน ระหว่างทำได้จริงๆ กับแค่ได้ทำ อารมณ์เดียวกับการแก้รัฐธรรมนูญตลอดสองปีที่ผ่านมา ที่สุดท้ายก็แค่ได้ทำเท่านั้น