พท.-กธ.แก้วที่มันร้าว วัดใจ 'ผู้กอง' คิดการใหญ่?!

6 ส.ค. 2568 - 03:03

  • พรรคกล้าธรรม งอแงหรือคิดการใหญ่?

  • นี่คือการเรียกร้องธรรมดา

  • หรือเป็นสัญญาณการสลายขั้วเพื่อเปลี่ยนตัวนายกฯ

พท.-กธ.แก้วที่มันร้าว วัดใจ 'ผู้กอง' คิดการใหญ่?!

แม้ "ไผ่ ลิกค์" เลขาธิการพรรคกล้าธรรม(กธ.) จะชงเองตบเอง ออกมาหักมุมปิดจบปัญหาแย่งเก้าอี้รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ไปในช่วงค่ำวันวาน(5 ส.ค.68) ชนิดที่ทำเอาแฟนการเมืองสายฮาร์ดคอร์ อารมณ์ค้างไปตาม ๆ กัน

เสียดายไม่ได้เห็นบทบู๊ฉากใหม่ของการเมืองไทย

แต่เชื่อเถอะ ละครการเมืองฉากนี้น่าจะแค่บทไตเติ้ล ที่ออกมาเรียกน้ำย่อยเท่านั้น ยังคงต้องมีตอนต่อไปตามมาอีก ประหนึ่งเปรียบเป็นแก้วที่มันร้าวแล้ว

"กล้าธรรม"จากพรรคเด็กดี ไม่หือไม่อือ จนถูกคนการเมืองด้วยกันเหล่ มองเป็นพรรคสาขาของเพื่อไทยไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะปาดหน้าเค้ก คว้ากระทรวงสำคัญ ๆ ไปครองทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงศึกษาธิการ

ทั้งสองกระทรวงนี้ สามารถนำไปต่อยอดสร้างฐานที่มั่นทางการเมืองได้

แต่อยู่ ๆ "พรรคกล้าธรรม" กลับทำตัวพยศ เป็นเด็กดื้อขึ้นมา เมื่อ ไผ่ ลิกค์ ลุกขึ้นมาเป็นต้นเสียง "ขอโอกาสพรรคกล้าธรรม แสดงผลงานในฐานะรองประธานสภา" บ้าง

แม้ต่อมา "ไผ่" จะขยายความว่า เป็นการขอโอกาสเท่านั้น ไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไร เพราะเข้าใจดีว่าในเวลาเช่นนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมากดดันกัน เพียงแต่พรรคกล้าธรรมเองก็มีผู้ที่มีความรู้ความสามารถ พร้อมที่จะมาทำงานตรงนี้ และคิดว่าทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีเท่านั้น 

"ต้องให้พรรคร่วมรัฐบาลคุยกัน ยืนยันแค่ขอโอกาส" ไผ่ย้ำ

ทว่าเรื่องไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้น ในวันถัดมาทั้ง อัครแสนคีรี โล่ห์วีระ โฆษกพรรคกล้าธรรรม สะถิระ เผือกประพันธ์ สส.ชลบุรี ต่างออกมาประสานเสียงยืนยันถึงการเสนอชื่อในตำแหน่งรองประธานสภาฯ ที่ว่างลง

โดยอัครแสนคีรี ทายาทการเมืองตระกูลโล่ห์วีระ ย้ำถึงศักยภาพสส.พรรคกล้าธรรรม ที่จะเสนอชื่อเข้าทำหน้าที่ดังกล่าว ใขณะที่เจ้าตัว "สะถิระ" ซึ่่งเป็น สส.สมัยที่สอง ก็ยืนยันถึงความพร้อมด้วยเช่นกัน

"ต้องรอผู้ใหญ่ในพรรคกล้าธรรม หารือและตกลงกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ อีกครั้ง" อัครแสนคีรีทิ้งเป็นประเด็นไว้

กระทั่งล่าสุด นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรรม ออกมาเปิดการแสดงเอง โดยมีทั้งลูกโวย ลูกขู่ แสดงความไม่พอใจที่ยังไม่มีการหารือเรื่องนี้ในพรรคร่วมรัฐบาล "ต้องมาคุยกัน ถ้าไม่คุยก็เป็นปัญหาแน่นอน"

พร้อมสำทับตามว่า ตำแหน่งรองประธานสภาฯ ไม่ใช่โควตาของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นตำแหน่งที่ต้องทำงานเพื่อสภาโดยรวม จึงต้องมีการหารือกกัน

นาน ๆ จะได้เห็นบทห้าวเป้งจากอาจารย์แหม่มกันสักครั้ง ในขณะที่เจ้าของพรรคตัวจริง ธรรมนัส พรหมเผ่า กลับเก็บตัวเงียบ อันเป็นจังหวะเดียวกับที่ทั้ง สทร.1 และสทร.2 ต่างพร้อมใจทำตัวเป็น "กบจำศีล" ด้วยกันทั้งคู่

คำถามคือ อาการพยศของพรรคกล้าธรรมหนนี้ มีต้นสายปลายเหตุมาจากเรื่องราวอันใดกัน เป็นแค่อาการกระฟัดกระเฟียด ปั่นราคา เรียกร้องความสนใจธรรมดา หรือว่ามีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังมากกว่านั้น

ในท่ามกลางเสียงลือเสียงเล่าอ้างเรื่องคิดการใหญ่ หมาตายเห็บกระโดดหนี มันเริ่มดังหนาหูมากขึ้น

เอาเป็นว่า วันนี้ "ไผ่" นักการเมืองข้างกายผู้กอง ได้ออกมาเขี่ยลูกออกข้างสนาม ตัดเกมโดยไม่ต้องรอ วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ท้าวมาลีวราชการเมืองจากเพื่อไทย มากล่อมให้เสียเวลา 

เท่ากับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นแค่อาการงอแงธรรมดาเท่านั้น

ในทางกลับกัน หากวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.68) กล้าธรรรมเปลี่ยนใจ ส่งคนของตัวเองลงชิงเก้าอี้รองประธานสภาฯ โปรดสันนิษฐานได้ว่า น่าจะมีอะไรขัดลำกล้อง หรือไม่ก็กำลังคิดการใหญ่ สร้างเงื่อนไข หาเหตุตีจากเพื่อไทย

เพราะเริ่มมีสัญญาณการสลายขั้วรองรับการเปลี่ยนตัวนายกฯ อยู่บ้าง

โดยทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี และต้องโหวตเลือกนายกฯ คนใหม่ จะได้เห็นปรากฎการณ์ผึ้งแตกรัง และมีขั้วใหม่เกิดขึ้น ที่น่าจะพิสดารกว่าการผสมพันธุ์ข้ามขั้วด้วยซ้ำ

ประมาณว่า รวมตัวกันเป็นรัฐบาลที่มาจากทุกสี ยกเว้นสีแดง

เป็นการรวมตัวกันเฉพาะกิจ เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ใช่ตกอยู่ในหลุมอากาศ ที่เกิดสุญญากาศ ไร้การนำเหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ส่วนจะจัดโรดแมปกี่ระยะ ต้องทำอะไรก่อนหลังกันบ้างนั้น

น่าจะอยู่ระหว่างรอการตกผลึกร่วมกัน

ส่วนจะสะเด็ดน้ำ ไม่สะเด็ดน้ำอย่างไร ให้รอดูผลโหวตเลือกรองประธานสภาฯ คนที่ 1 หากพรรคส้ม-น้ำเงิน พร้อมใจกันเทเสียงให้คนของพรรคกล้าธรรม ถ้ามาตามนัด เท่ากับแผนยึดเก้าอี้รองประธานสภาฯ ตุนไว้ก่อนก็เริ่มขึ้น

รอวันศาลรัฐธรรมนูญสอย "แพทองธาร" ตกเก้าอี้วันใด ก็เดินแผนสองเข้าฮอร์สต่อได้เลย

ตอนนี้รออย่างเดียว วัดใจกล้าธรรม จะกล้าคิดการใหญ่หรือแค่ปั่นราคาเรียกความสนใจ  แต่ไม่ว่าจะอย่างไร นาทีนี้สำหรับ "พท.-กธ." น่าจะอยู่ในภาวะแก้วที่มันร้าวไปแล้ว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์