หมดเวลา 'อิ๊งค์' อวสานตระกูลชินวัตร

13 ส.ค. 2568 - 03:16

  • ขาลงของสองพ่อลูก?

  • แรงกดดันทางการเมืองที่ถาโถมไม่หยุด

  • คดีใหญ่ 3 ศาลรออยู่

หมดเวลา 'อิ๊งค์' อวสานตระกูลชินวัตร

กระแสการเมืองในช่วงวันหยุดยาวตลอด 4 วัน ของสองพ่อลูก ทักษิณ-แพทองธาร ชินวัตร มีแต่ดำดิ่ง ไม่มีกระเตื้องขึ้น ถึงขนาดคนในเพื่อไทย ออกปากขอเวลานอกจากศาลรัฐธรรมนูญ ให้ชะลอนัดหมายตัดสินคดีออกไปก่อน 6 เดือน

อีกด้านแม้โหรจากสำนักเชลียร์บางแห่ง จะยังหลับหูหลังตาสรรเสริญเยินยอ อ้างญาณพิเศษจาก 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน 14 ช่องบาดาล ว่า สทร.ยังคงดำรงอยู่และอยู่ต่อไปในครั้งนี้และครั้งหน้า "เขายังแน่ และยังแน่น ปึ๊ก ปึ๊ก ปึ๊ก!"

แต่โบราณว่า คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต

ในขณะที่โหรขาเชลียร์เจ้าเก่า ยังหลับหูหลับตาเชลียร์ไม่ยอมตื่นนั้น เจ้าตัว "สองพ่อลูก" กลับเก็บเนื้อเก็บตัว และปิดวาจาเมื่อปรากฎกายต่อสาธารณะ แม้แต่บนหน้าเพจที่ใช้สื่อสารเป็นนิจศีล ก็หยุดการเคลื่อนไหวไปด้วย

ในท่ามกลางขาลงแบบดำดิ่งของสองพ่อลูก ทักษิณ-แพทองธาร ชินวัตร ไม่ว่าจะรอดหรือไม่รอดจากคดีใน 3 ศาล ทั้งศาลรัฐธรรมนูญของลูกสาว และอีกสองศาล คือ ศาลอาญา คดีมาตรา 112 กับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ปมป่วยเท็จ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ของทักษิณผู้พ่อ

แต่ในแวดวงการเมือง พากันมองข้ามช็อตไปถึงการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่กันไปแล้ว

นั่นเท่ากับว่า หมดเวลานายกฯ อิ๊งค์ และต้องไปสถานเดียว ให้อยู่อีกไม่ได้ ขืนอยู่ต่อบ้านเมืองรังแต่จะเสียหาย สังคมจึงมิอาจยอมให้บางตระกูล บางพรรคการเมือง รักษาอำนาจตัวเองเอาไว้ บนความย่อยยับของบ้านเมืองอีกต่อไป

ส่วนจะไปแบบไหนนั้น น่าจะมีไม่เกินสองทางให้เลือก โดยทางแรก ตัดช่องน้อยชิงลาออกไปก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยปมคลิปเสียง "อังเคิ้ลฮุน" ส่วนอีกทาง รอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่ผิด แล้วค่อยลาออกไปแบบเท่ๆ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงมาก

หากไม่รอด!!

ผลแห่งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ผูกพันกับทุกองค์กร จะเป็นพันธนาการ "สารตั้งต้น" ส่งผลไปถึงคำร้องอื่นๆ ที่อยู่ใน ป.ป.ช.และศาลอาญา ซึ่งจะไม่ใช่แค่การถูกประหารชีวิตทางการเมือง แต่ยังเสี่ยงติดคุก ติดตะรางเอาด้วย

เว้นแต่มั่นใจว่ามีออพชั่นพิเศษก็ลองเสี่ยงเอาดู

ทีนี้ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ก็ต้องเลือกเอาจากคนในตะกร้า ที่พรรคการเมืองจัดทำบัญชียื่นต่อ กกต.ไว้เท่านั้น ซึ่งมีสองทางให้เลือกอีกเหมือนกัน คือ แบบสูตรปกติ กับสูตร "ปกติพิเศษ" ใส่ไข่สองฟอง

อย่างแรกสูตรปกติ ไม่มีอะไรต้องซับซ้อน ปล่อยให้พรรคการเมืองที่รวมเสียงสส.ได้มาก ให้คนของตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งน่าจะแข่งกันแค่สองคน คือ ชัยเกษม นิติสิริ ค่ายสีแดง กับค่ายสีน้ำเงิน อนุทิน ชาญวีรกูล

อย่างหลังสูตร "ปกติพิเศษ" ที่ถูกบางฝ่ายออกมาขวางลำอยู่เวลานี้ คือ ไม่เพียงรวบรวมเสียงข้างมากในสภาได้เท่านั้น แต่จะเป็นการเปิด "ซูเปอร์ดีล 2" ขึ้น ให้ "ลุงตู่"  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รีเทิร์นมาจัดระเบียบบ้านเมืองอีกรอบ

ภายใต้เหตุผลความมั่นคงชายแดน และสถานการณ์สู้รบกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ไม่น่าจะมีใครในตะกร้าเหมาะสมเท่า

ส่วนจะทำได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับพลังของคนทำดีล ซึ่งต้องผ่านมือระดับ "ซูปเอปร์ดีลแรก" ที่มีฝีมือเป็นที่ประจักษ์ ให้กำเนิด สทร.และเสมียนประเทศมาแล้ว หลังเป็นสัมภเวสีอยู่ต่างแดนนาน 17 ปี

อย่างน้อยก็ให้คนที่ผูกเรื่องวุ่นๆ ไว้เมื่อสองปีก่อน กลับมาไถ่บาปแก้ปมที่ผูกไว้ ส่วนยาหมดอายุอย่าง "ทักษิณ" และตระกูลชินวัตร ก็ถึงคราวอวสาน ปิดฉากการเมืองลงถาวร

อารมณ์เดียวกับธุรกิจที่รุ่งเรืองสุดๆ ในยุคคนรุ่นพ่อ และย่อยยับลงในมือทายาทที่มารับไม้ต่อ ฉันใด ธุรกิจการเมืองตระกูลชินวัตรเองก็ฉันนั้น

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์