Deep SPACE การเปลี่ยนแปลงของพรรคประชาธิปัตย์ช่วงนี้ หลายคนประเมินว่าจะเป็นทางรอดในการกลับมาเกิดอีกครั้ง แต่หลายคนก็เห็นแย้งว่าอาจจะเป็นทางร่วง เพราะพรรคเวลานี้แตกกระจายไปคนละทิศละทาง รวมทั้งตัวหลัก หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ยังมองไม่เห็นใคร. ติดตามในDeep SPACE..ลึกกว่าที่รู้
ไม่ใช่เปลี่ยนม้ากลางศึก แต่เป็นการวางตัวแม่ทัพคนใหม่
ก่อนเข้าสู่สมรภูมิเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า กรณีการลาออกของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เฉลิมชัย ศรีอ่อน ในวันก่อน ด้วยเหตุผลของปัญหาสุขภาพ ที่มีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ
บางคนมองเป็นการ‘ทิ้งพรรค’ด้วยซ้ำ
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ถือเป็นโอกาสของพรรคเก่าแก่ที่อยู่มานานแปดสิบปี ได้มีเวลาทบทวนตัวเอง แต่งองค์ทรงเครื่อง จัดทัพกันเสียใหม่ ก่อนจะก้าวเข้าสู่สนามเลือกตั้งอีกครั้ง เพื่อเรียก‘ศรัทธา’ ที่ตกหล่นหายไปกลับคืนมา
ไม่ว่าในสนามภาคใต้ ที่เคยเป็นเมืองหลวงของประชาธิปัตย์มาก่อน แต่ถูกตีแตกไปในการเลือกตั้งสองครั้งหลังสุด จนทำให้ตำนาน ‘สส.เสาไฟฟ้า’ ถูกปิดฉากลงไปด้วย หรือแม้แต่ในสนามกทม.ประชาธิปัตย์ก็พลอยสูญพันธุ์ด้วยเช่นกัน
ปัญหาที่เกิดขึ้นคนในพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่ยังอยู่และเดินออกจากพรรคไป ต่างทราบเป็นอย่างดีว่าสาเหตุเกิดจากอะไร การแบ่งเขาแบ่งเรา แบ่งกลุ่ม แบ่งก๊ก แยกเป็นกลุ่มผู้อาวุโส กลุ่มพันธุ์ใหม่ สุดท้ายนำไปสู่การแตกความสามัคคี
ผู้น้อยไม่เคารพผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ไม่ทำตัวให้เด็กยำเกรง แถมยังถูกถอนหงอกโชว์สื่ออีกนับครั้งไม่ถ้วน
วันพรุ่งนี้ การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ที่จะมีขึ้น จึงมีสามทางให้คนในพรรคสีฟ้าได้เลือกเดิน
ทางแรก กลุ่มที่บริหารอยู่เดิม ก็กุมอำนาจเอาไว้ต่อ เพราะคุมเสียงโหวตเตอร์ใน 3 กลุ่ม 40-20-40 เอาไว้ในมือ
‘เสี่ยต่อ’ จะคายตะขาบ ส่งมอบมรดกการเมืองให้ทายาทคนไหนสืบทอด ก็เลือกจิ้มได้ตามสะดวก
ทางที่สอง กลุ่มผุ้อาวุโส ที่รบพ่ายมาหลายหน หากจะฮึดสู้ชิงพรรคคืนอีกรอบ ก็ต้องออกแรงมหาศาล ตีป้อมค่ายในสองกลุ่มแรก คือ กลุ่ม 40 กับกลุ่ม 20 ให้แตก เพื่อดึงเอาโหวตเตอร์ที่เป็นสส.และกรรมการบริหารพรรคหันมาสนับสนุนตัวเองให้ได้
แต่ดูแล้วน่าจะเหนื่อย เพราะผ่านการปะมือกันมาหลายรอบแล้วทำไม่ได้ มีเพียงโหวตเตอร์กลุ่ม 40 หลัง ที่พอกุมสภาพได้บ้าง แต่ก็ไม่ถือเป็นของตายของกลุ่มผุ้อาวุโส เพราะยังมีแกว่งๆ เป็น‘สวิง สเตท’ อยู่ไม่น้อย
ทางที่สาม คือการประนอมอำนาจของทั้งสองกลุ่ม โดยถอดความสำเร็จในอดีตของประชาธิปัตย์ มาปัดฝุ่นใช้ใหม่ ไม่ต้องย้อนไปไกลเอาแค่ยุค ชวน หลีกภัย สนั่น ขจรประศาสน์ ‘ชวน-เสธ.หนั่น’ ที่แบ่งบทกันเล่น คนหนึ่งขายความเป็นนักการเมืองน้ำดี ส่วนอีกคนมีความครบเครื่อง ‘พูดคำไหนคำนั้น’
เสธ.หนั่น ถึงได้ส่งหัวหน้าประชาธิปัตย์ที่ชื่อ ‘ชวนลูกแม่ค้า’ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีถึงสองครั้ง
อีกหนึ่งคู่ตุนาหงันทางการเมืองของประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สุเทพ เทือกสุบรรณ ‘มาร์ค-เทพเทือก’ นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของพรรคสีฟ้า ที่แบ่งบทกันเล่นได้อย่างลงตัว จนส่งให้อภิสิทธิ์ขึ้นสู่จุดสูงสุดทางการเมือง แม้จะถูกค่อนแคะไปจัดตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหารก็ตาม
การเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่จะมีขึ้น หากทั้งสองกลุ่มยังมีความ ‘อหังการ มมังการ’ แกะความเย่อหยิ่ง ทะนงตัว สำคัญว่าเป็นตัวเราของเราไม่ออก ไม่ว่าฝ่ายใดจะได้เข้ามาบริหาร อีกฝ่ายก็จะเอาเท้าราน้ำ ไม่ช่วยงัด ช่วยพาย
สถานการณ์ของพรรคสีฟ้า ก็คงไม่ต่างจากที่ผ่านมา แถมมีโอกาสจะดำดิ่งร่วงลึกไปกว่าเดิมด้วยซ้ำ
เพราะฉนั้น มีหนทางเดียวที่จะช่วยให้เรือสีฟ้า กางใบแล่นฉิวออกทะเลกว้างได้ ต้องมิกซ์สองกลุ่มเข้าด้วยกัน ฝ่ายหนึ่งเป็นรถหรูราคาแพง อีกฝ่ายเป็นน้ำมันพลังไฮเพาเวอร์ วิ่งออกสู่ถนนใหญ่ ตัดเข้ามอเตอร์เวย์ เลี้ยวขึ้นทางด่วนได้หมด
หรือจะปล่อยให้พรรคเก่าอายุแปดสิบปี เป็นรถโบราณถูกจอดทิ้งเป็นซากไว้ที่ ถนนเศรษฐศิริ ก็นิมนต์กันตามสะดวกเถิด