หลังติดหล่มปัญหา ประเภทบุญมีแต่กรรมบังมานาน ในที่สุดร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข หรือกฎหมายนิรโทษกรรม ที่จะล้างผิดให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2548 ถึงวันที่สภารับหลักการ ฝันก็ใกล้จะเป็นจริง
ความฝันใกล้บรรลุชัย!!
เมื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ที่มีเสื้อแดงตัวพ่อ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นประธาน นัดหมายเพิ่มรอบวันประชุมในวันพุธที่ 24 กันยายนนี้ และจะเคาะให้จบในวันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน เพื่อให้ทันเข้าสู่วาระ 2-3 ก่อนปิดสมัยประชุมในช่วงสิ้นเดือนตุลาคม และส่งให้วุฒิสภาไปพิจารณาต่อในสมัยประชุมหน้า วันที่ 12 ธันวาคม
ทุกอย่างจะได้ลงตัว ทำคลอดกฎหมายได้ทันก่อนประกาศยุบสภาในปลายเดือนมกราคมปีหน้า
แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ก็เฝ้าเพียรพยายามกันมานานกว่าสิบปี หลังมีปัญหานิรโทษกรรมสุดซอย มาถึงเรื่องละเอียดอ่อนความผิดมาตรา 112 จนต้องแยกปลาแยกน้ำ ให้คนส่วนใหญ่ได้ขึ้นฝั่งไปก่อน เรื่องไหนที่ละเอียดอ่อนค่อยหาทางช่วยเหลือกันภายหลัง
สุดท้ายมาจบที่วิธีกันคำว่า "เยาวชน" ออกมา ไม่ให้มีการนิรโทษกรรมความผิดมาตรา 112 แต่สำหรับเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ขณะกระทำความผิด ให้ใช้สิทธิยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการพิจารณาแทน โดยใช้หลักเดียวกับกฎหมายทั่วไป ที่เมื่อเยาวชนกระทำความผิด แต่ไม่ต้องรับโทษ
ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่น แต่มาสะดุดปมนิรโทษกรรมคดีทางแพ่ง ที่เขียนไว้ในร่างให้คืนเงินที่กรมบังคับคดีตามยึดมาได้ 5 ล้านกว่าบาท ให้กับผู้กระทำความผิดในรายของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คดียึดสนามบิน
ที่คดีแพ่งจบก่อนคดีอาญา แบบสุดพิลึกพิลั่น เพราะทนายความไม่ได้ไปยื่นฎีกาตามเวลาที่กฎหมายกำหนด?!
รวมเป็นค่าเสียหายที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ สั่ง 13 แกนนำพันธมิตรฯ จ่ายให้แก่บริษัท ท่าอากาศายานไทย จำกัด (มหาชน) เป็นเงินจำนวน 522 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2551
เบ็ดเสร็จเป็นตัวเลข ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณหนึ่งพันกว่าล้านบาท แต่ตามยึดทรัพย์สินมาได้ 5 ล้านกว่าบาท ที่เหลือถูกสั่งให้ล้มละลาย จนทำให้หลายคนต้องใช้ชิวิตนุ่งเจียม ห่มเจียม อยู่กันแบบเขียม ๆ เวลานี้
ดังนั้น ไหน ๆ จะนิรโทษกรรมกันทั้งที ก็ควรคืนเงินที่หลวงยึดไปให้ด้วย แต่หลังฟังความรอบด้าน จับเข่าคุยกันทั้งในรอบและนอกรอบแล้ว เพื่อรักษาบรรยากาศ ไม่ให้ร่างกฎหมายต้องสะดุดหัวทิ่มหัวตำ หรือมาตกม้าตายกันในตอนท้าย คณะกรรมาธิการฯ จึงมีมติแก้ไข "ไม่ให้คืน" เงินหรือทรัพย์สินที่ยึดมาได้
พูดง่ายๆ คือให้เจ๊ากันไป เพื่อแลกกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าคือ ยกเลิกการเป็นบุุคคลล้มละลาย!!
เพราะวันนี้ หลายคนต้องใช้ชีวิตแบบไม่ปกติ บริหารจัดการชีวิตไม่ให้มีปัญหากับกฎหมาย บางรายแม้แต่คนข้างกายที่ใช้ชีวิตคู่อยู่กันมานาน ยังต้องตัดขาดกันในทางกฎหมาย เพื่อไม่ให้เป็นภาระรุงรังกับชีวิต
ส่วนเรื่องการเมืองที่หลายคนมีฝังอยู่ในสายเลือด ก็เข้ามายุ่งเกี่ยวไม่ได้เพราะมีชนักติดหลังเป็นบุคคลล้มละลาย
เมื่อตกผลึกร่วมกันได้อย่างนี้แล้ว ประธานฯ "เต้น" ผู้ที่หัวใจไม่เคยหยุดเต้น ก็สั่งเพิ่มวันประชุมอีกครึ่งวันในวันพุธพรุ่งนี้(24 ก.ย.68) เพื่อให้จบในวันพฤหัสบดี จากนั้น ก็เข้าวาระ 2-3 ผ่านสภาผู้แทนราษฎร ได้ทันก่อนปิดสมัยประชุม ให้วุฒิสภานำไปว่ากันในสมัยประชุมหน้า
ด้วยเหตุที่ทั้งสามร่างที่สภารับหลักการไปนั้น ประกอบด้วย ร่างพรรครวมไทยสร้างชาติ ร่างพรรคครูไทยเพื่อประชาธิปไตย ที่ปัจจุบันคือพรรคกล้าธรรม และร่างพรรคภูมิใจไทย ในชั่วโมงนี้ต่างก็เป็นรัฐบาลด้วยกัน จึงทำให้ไม่น่าจะมีปัญหาอุปสรรคใดๆ ทั้งในสภาล่างและสภาสูง
เอาเป็นว่า หลังปิดจบเรื่องไม่คืนเงินคดีแพ่งไปแล้ว การนิรโทษกรรมคดีชุมนุมทางการเมืองที่ติดหล่มมานาน ก็คงได้เวลาสันติสุขกันเสียทีคราวนี้