ช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคมนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม จำนวน 32 คน จะมีการประชุมนัดแรก เพื่อเลือกตำแหน่งประธานและตำแหน่งอื่นๆ รวมทั้ง วางกรอบการทำงาน แข่งกับเวลาที่มีอยู่จำกัด
ไม่รู้จะะเกิดอะไรขึ้นก่อนระหว่างนี้ ในท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอน
แต่อย่างแรกปลายสัปดาห์นี้ ที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ ต้องเคาะชื่อประธานฯ ให้ได้ก่อนว่าจะยังเป็น ‘ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ’ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ที่พรรคเพื่อไทยล็อกชื่อเอาไว้หรือไม่ เพราะคนในพรรคร่วมรัฐบาลหรือแม้แต่คนเสื้อแแดงด้วยกันเองบางคน ก็ไม่เห็นด้วย
เพราะไม่อยากให้เกิดบรรยากาศที่เรียกว่า ผลประโยชน์ทับซ้อน ทำให้การทำงานต้องพลอยสะดุดไปด้วย จากความไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง หากจะให้แกนนำคนเสื้อแดง มานั่งหัวโต๊ะนิรโทษกรรมให้ตัวเอง
เอาเถอะ รอดูว่าพรรคเพื่อไทยจะเปลี่ยนใจหรือยังดื้อรั้นเสนอชื่อ ‘เดอะ-เต้น’ ต่อ?!
แต่ที่ผิดหวังซ้ำซากน่าจะเป็นพรรคส้ม หลังร่างฉบับของพรรคก้าวไกล(เดิม) และร่างที่เสนอโดยภาคประชาชน ถูกตีตกตั้งแต่วาระแรก เพราะมีหลักการสำคัญแตกต่างจาก 3 ร่าง ที่สภารับหลักการไว้ และหวังจะไปออกแรงเพิ่มเนื้อหา มาตรา 112 ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการแทน
ทว่าเรื่องนี้คงคิดได้ เสนอได้ แต่โอกาสเป็นไปได้มีน้อยมาก
ทั้งหลายทั้งปวง เพราะประเด็นความผิดเกี่ยวกับ มาตรา 112 นั้น เป็นหลักการสำคัญที่ทั้งสามร่าง ไม่ให้นำมารวมนิรโทษกรรมด้วยตั้งแต่แรก ดังนั้น ต่อให้เสนอในที่ประชุมคณะกรรมาธิการ ก็คง‘ไม่ผ่าน’ ด่านกรรมาธิการเสียงข้างมาก หรือต่อให้ผ่านกรรมาธิการไปได้ ก็คงไม่ผ่านที่ประชุมใหญ่ในวาระ 2-3 อยู่ดี
สุดท้ายต่อให้มีปาฏิหาริย์ผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปได้ ก็ต้องไป ‘ถูกรื้อถูกปรับ’ ในชั้นของวุฒิสภาอีกนั่นแหล่ะ
เรื่องของเรื่อง ก็เพราะมีการตั้งธงกันไว้แล้ว ไม่ให้มีฐานความผิด มาตรา 112 อยู่ในการนิรโทษกรรมด้วย เนื่องจากในจำนวนผู้ที่อยู่ในข่ายได้รับนิรโทษกรรม จำนวน 3,254 คน นั้น มีผู้เกี่ยวข้องกับ มาตรา 112 อยู่ 278 ราย และในบางรายคนเดียวมีมากถึง 23 คดี แต่มีคดดีที่เกี่ยวกับมาตรา 112 เพียงคดีเดียว
ดังนั้น จึงให้นิรโทษกรรมคดีอื่นๆ ไปก่อน ส่วนคดีมาตรา 112 ค่อยไปหาช่องทางอื่นดูแลเยียวยาเอาในโอกาสต่อไป
เมื่อเป็นดังนี้ ความพยายามของคนพรรคส้ม ที่จะไปสู้ต่อในชั้นกรรมาธิการก็สูญเปล่า เว้นเสียแต่เป็นการ ‘สู้เพื่อหวังผล’ ในทางการเมือง อารมณ์เดียวกับความพยายามยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญตลอดเวลาสองปี ที่ไม่เคยประสบความสำเร็จ
ถ้าเอากันแค่นี้พรรคส้ม ก็ย่อมบรรลุฝันของตัวเองได้
ทีนี้การผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่มีกลุ่มพันธมิตรฯ ได้รับอานิสงส์ไม่ต่ำกว่า 200 คน นปช.1,150 คน กปปส.221 คน และกลุ่มราษฎร-กลุ่มทะลุแแก๊ส 1,683 คน รออยู่นั้น จะเสร็จทันสภาชุดนี้หรือไม่ รัฐบาลจะชิงตัดช่องน้อย ‘ยุบสภา’ หนีก่อนหรือเปล่า
แม้การอยู่หรือไปของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ จะมีความหมายอย่างมากต่อร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ฝ่าด่านแรกของสภามาได้แล้วก็ตาม แต่เนื่องจากการผลักดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรมหนนี้ ผ่านการตกผลึกร่วมกันโดยมีผลการศึกษารองรับอยู่แล้ว
ดังนั้น ต่อให้มีเวลาเหลืออยู่อีกไม่มาก ก็น่าจะอาศัยผลการศึกษาดังกล่าวมาทาบลงบนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่สภารับหลักการไว้ เร่งเวลาผ่านร่างกฎหมายให้เร็วขึ้นได้
สุดท้าย ท้ายสุด หากเกิดอุบัติเหตุทำให้สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลงเสียก่อน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับประวัติศาสตร์ ก็ไม่ได้ตกไป ‘ยังคาอยู่’ ในขั้นตอนของสภา รอให้รัฐบาลหลังเลือกตั้งนำกลับมายืนยัน เดินหน้าขั้นตอนที่เหลืออยู่ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไปได้
เหลือแต่ฝันของพรรคส้มเท่านั้นแหล่ะ ที่การผลักดัน มาตรา 112 ต้องติดขัดหลายด่าน รวมทั้งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คดียุบพรรคประชาชนเรื่องนโยบายแก้ มาตรา 112 ในวันก่อน ก็ยังมีผลผูกพันกับทุกองค์กรถึงวันนี้