การมาปรากฏตัวต่อที่ประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีพรรคสีน้ำเงินของ ‘ท็อป’ วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมคณะเมื่อวาน(23 พฤศจิกายน 2568) จึงมาด้วยเหตุผลข้างต้น อันเป็นเหตุผลเดียวกับ ‘แป๊ะ’ สนธยา คุณปลื้ม บ้านใหญ่ชลบุรี ที่มาอาศัยชายคาพรรคสีน้ำเงินด้วยเช่นกัน
ทั้งสองคน ไม่ได้ยุบพรรคตัวเองมาควบรวมกับ ภท.เพียงแต่แขวนป้าย ‘ปิดปรับปรุง’ กิจการชั่วคราว โดยที่สองพรรค ‘พลังชล-ชาติไทยพัฒนา’ ยังคงความเป็นพรรคการเมืองไว้ แต่ไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง เผื่อวันข้างหน้าสถานการณ์เป็นใจ ค่อยกลับมาฟื้นฟูกิจการกันใหม่
เมื่อเจอมรสุมกลางทะเลก็ต้องเอาเรือเข้าหลบเกาะก่อนหรือช่วงมรสุมเรือเล็กไม่ควรออกจากฝั่ง ฉันใดก็ฉันนั้น
การมาของ ‘สนธยา’ บ้านใหญ่เมืองชลบุรี ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงผ่านทางครูใหญ่การเมือง เนวิน ชิดชอบ ตั้งแต่สมัยอยู่กลุ่ม 16 ด้วยกัน ส่วน ‘ท็อป-วราวุธ’ อาจซับซ้อน มีทั้งรัก ทั้งชัง ทั้งหวานและข่มขืนอยู่ในตัว
แต่วันเวลาคงได้เยียวยาความรู้สึก เอาความขมขื่นไปทิ้งแม่โขงหมดแล้ว
เพราะในห้วงเวลาหนึ่งของการเมืองสองพ่อลูกตระกูลชิดชอบ ‘ชัย-เนวิน’ เคยมีความหลังฝังใจกับ ‘เติ้ง-เสี่ยวหาร’ บรรหาร ศิลปอาชา ชนิดแทบจะหาที่ยืนทางการเมืองไม่ได้ แต่เมื่อ ‘เสี่ยหนู’ อนุทิน ชาญวีรกูล เปิดบ้านรับด้วยคำพูดแสนอบอุ่น
‘ผมกับวราวุธ เหมือนพี่น้องคลานตามกันมา’
ทุกอย่างก็ราบรื่น
แถมท็อป ยังได้รับการต้อนรับจากศิษย์เก่าชาติไทยพัฒนาที่ล่วงหน้ามาก่อนทั้งเจ้าของหนังสัปเหร่อ สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ และสองพี่น้องตระกูลปริศนานันทกุล ภราดร-กรณ์วีร์ เป็นอย่างดี โดยถ่ายรูปเซลฟี่ร่วมกันก่อนเดินเข้าที่ทำการพรรค
ท็อป-ภราดร-กรณ์วีร์-สิริพงศ์ เคยจับมือเป็น ‘นิว บลัด’ มีแผนปฏิรูปพรรคชาติไทยพัฒนาด้วยกันมาก่อน แต่ถูกกลุ่มผู้อาวุโสในพรรคขัดขวาง จึงทำให้สามคนหลังย้ายมาปักหลักอยู่กับพรรคสีน้ำเงินแทน
และก่อนจะมาถึงวันนี้ ‘สิริพงศ์’ เป็นคนเปิดภาพถ่ายร่วมกับท็อปและ นิกร จำนง ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนา นำร่อง ซึ่งอนุทินได้ตอบคำถามนักข่าวแบบแบ่งรับแบ่งสู้ถึงภาพดังกล่าวว่า คง ‘รียูเนี่ยน’ เพราะเคยอยู่ร่วมกันมา
นอกจากนั้น ยังมีสองสส.พรรคเพื่อไทย สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ สส.อุบลราชธานี สรัสนนท์ อรรณนพพร สส.ขอนแก่น รวมทั้ง มีสส.ต่างพรรคอีกหลายคน มาปรากฎตัวร่วมสมาทานศีล แสดงเจตน์จำนงเข้าร่วมงานกับ ภท.ด้วย
อนุทิน แม้จะบอกกับสื่อถึงการมาปรากฎตัวของสส.ต่างพรรคว่า
‘การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเกิดขึ้นภายใน 2 เดือนนี้ คงไม่มีอะไรต้องกั๊ก ต้องหลบๆ ซ่อนๆ’
แต่ในบางช่วงก็ปฏิเสธตอบคำถามสื่อ โดยบอกเพียงว่า ‘ให้ภาพเล่าเรื่อง’ พร้อมกางแขนป้องสองสส.สาวจากพรรคเพื่อไทย และพูดอย่างอารมณ์ดีว่า ‘เซฟลูกพรรคด้วย’
ปรากฎการณ์สีน้ำเงิน ที่เกิดขึ้นกับพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่เกิดจากอาการจมูกมด หรือความเข้าใจไปเองของนักการเมือง แต่มีผลโพลอย่างน้อยสองสำนักยืนยันถึงความร้อนแรงและกระแสนิยมในพรรคสีน้ำเงิน รวมถึงตัวหัวหน้าพรรค
โดยโพลนิด้า ให้คะแนนนิยมพรรคสีน้ำเงินและตัวหัวหน้าพรรค จี้ไล่หลังพรรคสีส้มมาติดๆ แบบมีนัยสำคัญ ในขณะที่โพลสวนดุสิต ก็ให้พรรคสีน้ำเงิน ได้เปรียบพรรคสีส้มหลายด้าน ทั้งยังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดอีกด้วย
ส่วนพรรคเพื่อไทย นับวันมีแต่ความถดถอย โดยกระแสนิยมหัวหน้าพรรคล่าสุดหลุดไปอยู่ลำดับ 7 ตามหลังหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเศรษฐกิจ และพรรคไทยสร้างไทย ขณะที่กระแสนิยมพรรค ก็มาตามหลังพรรคประชาธิปัตย์เช่นกัน
การเมืองวันนี้ จึงเป็นปรากฎการณ์สีน้ำเงิน ที่พรรคขนาดเล็กต้องหนีตาย ก่อนจะถูกสึนามิการเมืองกวาด รวมทั้ง เหล่านักเลือกตั้งที่ต้องหาพื้นที่ปปลอดภัยให้กับตัวเองเช่นกัน


